ข่าว

เตือนสองสัปดาห์เฝ้าระวังยังเหลือพายุอีก 3 ลูก !

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "เสรี"เตือนพายุไต้ฝุ่น มังคุด กระทบไทย 17-19 ก.ย.ฝนถล่มทั่วประเทศ แต่ยังเหลือพายุเหลืออีก 3 ลูกในช่วงสองสัปดาห์นี้เฝ้าระวังมากที่สุด

 

          14 กันยายน 2561 "เสรี"เตือนพายุไต้ฝุ่น มังคุด กระทบไทย 17-19 ก.ย.ฝนถล่มทั่วประเทศแต่ยังเหลืออีก 3 ลูก ในช่วงสองสัปดาห์นี้เฝ้าระวังมากที่สุด ภัยแล้งจ่อเดือนต.ค.-พ.ย.คาด 2 ปีนี้วิกฤติแล้งซ้ำเหมือนปี 58 ภาคเกษตรไทยเสียหายหนัก 

 

 

         นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าอิทธิพลพายุบารีจัต ที่สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศไปแล้วแต่ยังส่งผลกระทบมีฝนตกในภาคอีสานตอนบนของไทย ระหว่างวันที่14-15 ก.ย.ขอให้เฝ้าระวังพายุลูกสำคัญตัวหลัง พายุมังคุด เป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่นระดับรุนแรงมากกำลังเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 15 ก.ย.จะมากระทบไทยวันที่17-19 ก.ย.นี้

 

         พายุนี้เข้าทะเลจีนใต้เป็นไต้ฝุ่นจึงกระแทกแรงมากตอนปะทะชายฝั่งทะเลจีนใต้ และเวียดนาม ก่อนจะลดระดับเป็นพายุโซนร้อนและดีเปรสชั่นต่อไป ส่งผลให้ฝนหนักพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงราย น่าน เชียงใหม่ และภาคอีสานบางส่วน ทั้งนี้พายุ มังคุด มาเพิ่มกำลังให้กับแนวร่องฝนที่พาดผ่านตอนกลางประเทศ รวมกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้  จึงส่งผลกระทบไทยฝนตกมากทั่วประเทศต้องเตือนประชาชนให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน ยกเว้นภาคใต้เท่านั้นไม่กระทบ

 

         รวมทั้งเขื่อนที่มีน้ำเต็มแล้วหรือใกล้เต็ม หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งพร่องก่อนวันที่ 17 ก.ย. เช่นเขื่อนน้ำอูน มีน้ำเต็มอยู่ต้องเร่งระบาย เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครรินทร์ ขณะนี้พร่องน้ำเกือบ100 ล้านลบ.ม.ต่อวัน น่าจะพอมีพื้นที่รับน้ำได้อีก อย่างไรก็ตามให้ประเมินน้ำเข้าเขื่อนในหลักการบริหารเขื่อนต้องไม่ให้น้ำเต็มเขื่อน หากจะระบายเพิ่มมากว่า 100 ล้านลบ.ม. ต้องเร่งแจ้งประชาชนท้ายอ่างล่วงหน้าได้รับผลกระทบท่วมได้

 

        ในส่วนภาคตะวันออก มีฝนมากขึ้นในพื้นที่จะกระทบลุ่มน้ำปราจีนบุรี ลุ่มน้ำนครนายก มีน้ำมากอยู่แล้วและต้องเพิ่มการระบายเขื่อนขุนด่าน เขื่อนนฤบดินจินดา(ห้วยโสมง)ด้วย สำหรับภาคกลาง เข้าช่วงฤดูฝนในช่วงมีฝนมาก แต่ไม่น่าห่วงเพราะเขื่อนใหญ่ที่มีอยู่มีพื้นที่ว่างรับน้ำได้อีก 40 เปอร์เซนต์ทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ 

 

        นายเสรี กล่าวว่าปริมาณน้ำฝนตกปีนี้ ยังน้อยกว่าปี60 และปี60ก็มีฝนน้อยกว่าปี54 ซึ่งบางหน่วยงานกลับบอกว่ามีฝนเท่ากัน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนได้ไปพูดกับนายกรัฐมนตรี ได้เข้าใจแล้วว่า ถ้าดูค่าเฉลี่ยรวมทั่วประเทศปี60เท่ากับปี54 แต่ฝนตกหนักที่ภาคใต้ ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคกลาง ตกน้อยจึงไม่ท่วมกรุงเทพ –ปริมณฑล ซึ่งไม่เกี่ยวกับมีพื้นที่ทุ่งแก้มลิง 13 ทุ่งมาช่วยแต่อย่างใด ถ้าหากฝนมากอย่างปี54 แก้มลิงก็โดนท่วมหมดเช่นกัน

 

        ฝนปีนี้น้อยกว่าปี 54 มาก ปัจจุบันฝนตกภาคเหนือ 1.1 พันมม. ในปี 54 ตกในภาคเหนือ 1.4 พันมม. จึงไม่ต้องกลัวน้ำท่วม ล่าสุดปริมาณน้ำผ่าน จ.นครสวรรค์ ยังมีน้อยอยู่ โดยปีนี้ในอัตรา 3.1 พันล้านลบ.ม. ปี 54 ในอัตรา 9 พันล้านลบ.ม. ต่างกันมากเกือบ3 เท่าตัว ปีที่แล้ว 5 พันล้านลบ.ม.  ดังนั้นปีนี้จะไม่ท่วมพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง ไม่ต้องกังวล ไม่กระทบกรุงเทพฯแน่นอน เพราะสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีน้ำน้อยกว่าปีที่แล้ว ส่วนค่าเฉลี่ยฝนปีนี้ยังมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 30ปี

 

         "พายุโซนร้อนที่เกิดขึ้นมาบริเวณเอเซียใต้ในทุกปีมี 26 ลูก ซึ่งพายุขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว 23 ลูก ตั้งแต่ต้นปีในจำนวนนี้เป็นพายุไต้ฝุ่น 9 ลูก ฉะนั้นจะเหลืออีก 3 ลูก ที่น่าจะมีพายุเกิดขึ้น ยังไม่รู้เส้นทางไปแนวใด ส่งผลกับไทยหรือไม่ต้องเฝ้าระวัง ที่ผ่านมายังไม่มีพายุเข้าไทยโดยตรง ซึ่งเดือน ก.ย.เป็นช่วงพายุมากที่สุด ถ้าผ่านไปเดือนต.ค.จะน้อยลง ดังนั้น 2 สัปดาห์นี้ยังเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามฝนตกชุกช่วงนี้ส่งผลดีให้เก็บน้ำในเขื่อนได้มาก เพราะมีปรากฏการณ์แอลนิโญ่ พายุหมดเร็ว เป็นสัญญาแล้งเกิดขึ้นตลอดช่วง 2 ปีข้างหน้าเข้าสู่วิกฤติภัยแล้งรุนแรงเช่นเดียวกับปี 58 เริ่มแล้งตั้งแต่เดือน ต.ค. พ.ย. นี้ซึ่งเตือนเกษตรกรผลผลิตจะเสียหายจากภัยแล้ง การบริหารน้ำเขื่อนต้องสำรองไว้ใช้เกิดภัยแล้ง 2 ปีข้างหน้าด้วย"


 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ