ข่าว

อัยการฟ้องแล้ว ฟอกเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทยสำนวนแรก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟ้องแล้ว "วิชัย" อดีตผู้บริหารบมจ.กฤษดามหานคร-ลูกชาย-อดีต กก.บริษัทในเครือ รวม 6 คน สมคบฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้หมื่นล้าน

 

          ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี - 4 ก.ย.61 - ฟ้องแล้ว "วิชัย" อดีตผู้บริหารบมจ.กฤษดามหานคร-ลูกชาย-อดีต กก.บริษัทในเครือ รวม 6 คน สมคบฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้หมื่นล้าน ศาลอาญาคดีทุจริตกลางฯ รับฟ้องรอสอบคำให้การ จำเลยเข้าเรือนจำยังไม่ได้ประกัน ขณะที่ลุ้นอัยการนัดสั่งคดีครั้งแรกโอ๊ค-กาญจนาภา เช้าพรุ่งนี้ 5 ก.ย.

          เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้นำพยานหลักฐานพร้อมคำฟ้อง ยื่นฟ้อง นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 79 ปี อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร (จำเลยที่ 25 ในคดีร่วมทุจริตการปล่อยสินเชื่อของธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน)กับกฤษดามหานคร ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาแล้วเมื่อ ปี 2558  ให้จำคุก 12 ปี) , นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนายวิชัย (จำเลยที่ 26 ในคดีร่วมทุจริตการปล่อยสินเชื่อของธ.กรุงไทยฯ ซึ่งศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาแล้วเมื่อปี 2558  ให้จำคุก 12 ปี) อดีตกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทโบนัส บอร์น จำกัด ,นายบัญชา ยินดี อายุ 59 ปี อดีตกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด และบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.กฤษดามหานคร (จำเลยที่ 26 ในคดีร่วมทุจริตการปล่อยสินเชื่อของธ.กรุงไทยฯ ซึ่งศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาแล้วเมื่อปี 2558  ให้จำคุก 12 ปี), น.ส.เพชรรัตน์  เทพสัมฤทธิ์พร อายุ 47 ปี อดีตเลขานุการของนายรัชฎา ,นายปภพ สโรมา อายุ 65 ปี ซึ่งมีชื่อเป็นกรรมการใน 3 บริษัท ประกอบด้วย บจก.อาร์เคฯ ,บจก.โกลเด้นฯ ,บริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ นายธีรโชติ พรมคุณ อายุ 54 ปี พนักงานของ บมจ.กฤษดามหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2547 มาตรา 4 , 5 , 9 , 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 โดยท้ายฟ้องอัยการก็ขอให้นับโทษ นายวิชัย ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารบมจ.กฤษดามหานคร,นายรัชฎา อดีตกก.บจก.โบนัส บอร์น และ นายบัญชา อดีต กก.บริษัทในเครือกฤษดามหานคร จำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุกทั้งสามคนละ 12 ปี ไว้แล้วด้วย            

 

          โดยคำฟ้องของอัยการระบุพฤติการณ์กล่าวหาจำเลยทั้ง 6 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 11 ก.ย.2546 –ธ.ค.2547 หลังจากที่มีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธ.กรุงไทยฯ ผู้เสียหายให้กับ บมจ.กฤษดามหานครและบริษัทในเครือโดยมิชอบแล้ว จำเลยทั้ง 6 กับพวกอีกหลายคนสมคบกันฟอกเงินที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 10,400,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) โดยมีการนำบริษัทนิติบุคคลที่จำเลยที่ 1-3 มีอำนาจกระทำการแทน มาใช้ในการโอนและรับโอนเงิน โดยน.ส.เพชรรัตน์ จำเลยที่ 4 เป็นเลขานุการ ของนายรัชฎา จำเลยที่ 2 ได้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีธนาคารพาณิชย์ และบัญชีซื้อขายของบุคคลอื่น เพื่อให้จำเลยที่ 1 กับพวกนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีนายปภพ จำเลยที่ 5 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คจากบัญชีธนาคารของ บจก.โกลเด้นฯ ที่รับโอนเงินจากการกระทำผิดไปเข้าบัญชี บจก.แกรนด์ คอมพิวเตอร์ฯ แล้วนำมาชำระหนี้ค่าซื้อหุ้นแปลงสภาพ บมจ.กฤษดามหานคร ขณะที่นายธีรโชติ จำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นพนักงานขับรถประจำตัวนายวิชัย อดีตผู้บริหาร บมจ.กฤษดามหานคร ได้ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์เพื่อให้นายวิชัย จำเลยที่ 1 โอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดแล้วทำหน้าที่นำเช็คของธนาคาร ที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายไปเบิกถอนเป็นเงินสด ตามคำสั่งของนายวิชัย จำเลยที่ 1 ขณะที่เมื่อบจก.อาร์เคฯ และบจก.โกลเด้นฯ ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธ.กรุงไทยฯแล้วก็ไม่ได้นำไปปรับโครงสร้างหนี้และจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ตามเหตุผลการขอสินเชื่อ แต่นายบัญชา  จำเลยที่ 3 อดีตกก.บริษัททั้งสอง กลับร่วมกับพวกนำเงินนั้นไปออกเช็คแล้วฝากเข้าบัญชีบุคคลต่างๆ ก่อนจะเบิกถอนเงินสดไปซื้อขายหุ้นและที่ดิน โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยทั้งหกกับพวก และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ยื่นขอกู้ไว้ นอกจากนี้ระหว่างนั้นพวกจำเลยยังร่วมกันออกเช็คในนามบริษัทนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าบัญชีธนาคารของพวกจำเลยอีกหลายครั้ง ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 6 กับพวกดังกล่าวเป็นการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือเพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือกระทำการเพื่อปกปิด อำพรางการได้มา การโอนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการสมคบกันฟอกเงิน  

          โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.214/2561 ซึ่งศาลจะนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งหกต่อไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวิชัย นายรัชฎาและนายบัญชา จำเลย 1-3 ขณะนี้ตัวยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตามคำพิพากษาจำคุก 12 ปี ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายวิชัย อายุ 79 ปี อดีตผู้บริหารบมจ.กฤษดามหานคร จำเลยที่ 1 อยู่ในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วน นายรัชฎา บุตรชาย อายุ 52 ปี และนายบัญชา อายุ 59 ปี จำเลยที่ 2 และ 3 ตัวถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ           

         ส่วนน.ส.เพชรรัตน์ ,นายปภพ และ นายธีรโชติ จำเลยที่ 4-6 หลักทรัพย์ที่จะใช้ยื่นประกันไม่เพียงพอทั้งหมดจึงถูกนำตัวไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

         ผู้สื่อข่าวรายงานอย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกล่าวหาการโอนและรับโอนเงินกู้สินเชื่อธ.กรุงไทยฯ กับบริษัทในเครือกฤษดามหานครนั้น นอกจากคดีที่ยื่นฟ้องนี้แล้ว ยังมีอีก 1 สำนวนที่กล่าวหานางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการของคุณหญิงพจมาน อดีตภริยา นายทักษิณ ชินวัตร,นายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภาและนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของอดีตนายกทักษิณ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินที่ได้รับโอนเงินจากการทุจริตอนุมัติสินเชื่อ ธ.กรุงไทยฯดังกล่าว ซึ่งอัยการสำนักงานคดีพิเศษกำลังพิจารณาสำนวนที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งพยานเอกสารหลักฐานมาให้เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 ที่ผ่านมา โดยนัดผู้ต้องหาทั้งสามมารายงานตัวเพื่อสั่งคดีครั้งแรกในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) เวลา 09.00 น.-10.00 น.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ