ปิดฉากยิ่งใหญ่"ศิลปาชีพประทีปไทย"9วันทะลุพันล้าน

 
          งาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” จบลงอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนกว่า 3 แสนคน แห่ชมนิทรรศการ “เสน่ห์เส้นใย ผ้าทอไทยกว่าแสนผืน” ช้อปสินค้าอัตลักษณ์ชุมชน ทุบสถิติยอดขายกว่า 1,039 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์กว่าทุกครั้งของการจัดงาน“ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ช่วยสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง แก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้านได้อย่างเป็นรูปธรรม

        ปิดฉากลงแล้วอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ช่วยเหลือราษฎรให้มีอาชีพเสริม เพิ่มพูนรายได้อย่างกว้างขวางออกไปหลายแขนง อันเป็นที่มาของโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะฝีมือ ภูมิปัญญาของคนไทย ให้แพร่หลายในระดับสากล อีกทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ อันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลอีกด้วย

 
          นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะแม่งานใหญ่ของการจัดงาน กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงสนับสนุนให้ราษฎรมีอาชีพเสริมด้วยการสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาของชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ทำให้เกิดการสืบทอดและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นมรดกของชาติ สร้างรายได้ให้แก่ราษฎร และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยไปทั่วโลก ผ่านโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนา OTOP ของประเทศ โดยรัฐบาลได้นำมาขยายผลจนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง ทั้งนี้ งาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” จัดขึ้นระหว่าง 11-19 สิงหาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 - 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นหนึ่งในการส่งเสริมช่องทางการตลาดให้แก่สินค้า OTOP โดยเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และครั้งนี้มีสินค้า OTOP จำหน่ายเกือบ 20,000 รายการ 

          บนพื้นที่จัดงานกว่า 60,000 ตารางเมตร มีสินค้าครบทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ และนับเป็นงานจัดแสดงและจำหน่ายผ้าไทยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอีกด้วย โดย สรุปยอดจำหน่าย 9 วัน รวม 1,039,832,026 บาท ยอดผู้เข้าชมงาน 328,231 คน โดยประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย เป็นกลุ่มที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดรวมกว่า 331 ล้านบาท รองลงมาคือประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก กว่า 124 ล้านบาท ขณะที่โซนศิลปิน OTOP สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้กว่า 130 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ในครั้งที่ 7 นี้ นับเป็นการทำลายทุกสถิติยอดขายตลอดการจัดงานต่อเนื่อง 7 ปี โดยก่อนหน้านี้ “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ที่จัดมาทั้ง 6 ครั้ง ยังไม่เคยมีครั้งใดที่ยอดขายถึงหนึ่งพันล้านบาท

          อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ยังกล่าวอีกว่า ผลสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้เกิดจากความต่อเนื่องของการจัดงานเป็นครั้งที่ 7 และพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ที่ถึงแม้จะบริหารจัดการได้ค่อนข้างยาก แต่ทำให้การประชาสัมพันธ์เชิญชวนเกิดความน่าสนใจ อีกทั้งยังมีสินค้าจำนวนมากและหลากหลายจากทั้ง 76 จังหวัด เกือบ 20,000 รายการมารวมกันอยู่ที่เดียวเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อ ยิ่งกว่านั้นแบรนด์ OTOP ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเป้าหมายตรงกันว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในชนบท และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ส่งผลให้มีการยกระดับคุณภาพของสินค้า และผู้ประกอบการ OTOP เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปมากขึ้น โดยขณะนี้รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน OTOP อย่างจริงจังและครบวงจร ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือชาวบ้านและผู้ประกอบการต้องลุกขึ้นมาสู้ร่วมกับรัฐบาล มีส่วนร่วมในการพัฒนาไปด้วยกัน โดยขณะนี้กระแสความร่วมมือเป็นไปอย่างคึกคัก มีการตอบรับที่น่าพอใจ

 
          “ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันอุดหนุนสินค้าที่คัดสรรมาจำหน่ายในปีนี้ และขอบคุณ กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่นำสุดยอดสินค้า OTOP คุณภาพดีจากทุกภาคทั่วทั้งประเทศมานำเสนอ รวมทั้งบุคลากรกรมการพัฒนาชุมชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดที่ร่วมแรงแข็งขันจนทำให้งาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ในปีนี้ ประสบความสำเร็จกว่าครั้งก่อนๆ แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตลอดจนสมาชิกกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก แก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้าน ลดความเหลื่อมล้ำ ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำอยู่เสมอ โดยขณะนี้ กรมการพัฒนาชุมชนได้สานต่อการขับเคลื่อนสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจฐานราก ด้วยโครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการพัฒนา OTOP อีกครั้ง โดยจะเน้นการนำนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชน เพื่อซื้อสินค้าจากผู้ผลิตในชุมชนโดยตรง ซึ่งจะทำให้ทุกชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศมีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง นำไปสู่การสร้างความสุขสู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน จึงขอฝากให้พี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วนช่วยกันสนับสนุนด้วยครับ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวทิ้งท้าย