ข่าว

"อนุพงษ์"ฉุน !!! โจมตีครอบครัวได้งานสร้าง"โรงขยะ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กป๊อก"แจงหน้าที่"อปท."จัดการขยะเผย"มท."จุ้นไม่ได้ถ้าไม่ทำผิดกม.ระบุต้องร่วมทุนเอกชนสร้างโรงกำจัดฉุน"ลูกชาย"โดนโจมตีได้งานก่อสร้างลั่นอย่ามาด่าทอส่งเดช


         11 สิงหาคม 2561 "บิ๊กป๊อก"แจงหน้าที่"อปท."จัดการขยะเผย"มท."จุ้นไม่ได้ถ้าไม่ทำผิดกม.ระบุต้องร่วมทุนเอกชนสร้างโรงกำจัดฉุน"ลูกชาย"โดนโจมตีได้งานก่อสร้างลั่นอย่ามาด่าทอส่งเดชไล่ไปร้องหน่วยตรวจสอบใครโกงต้องจับเข้าคุก

 

 

          พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ถูกโจมตีว่ากระทรวงมหาดไทย รวบอำนาจ ดึงการแก้ไขปัญหาขยะมาดูแล ว่า กรณีขยะถือเป็นปัญหาของประเทศชาติ ที่เป็นวาระแห่งชาติ เพราะขยะแต่ละปีประมาณ 27 ล้านตัน 1 ใน 3 ของจำนวนนี้ ไม่ได้มีการดำเนินการตามหลักการกำจัดขยะ กลายเป็นขยะตกค้าง ขณะที่ 2 ใน 3 ยังดำเนินการไม่ถูกต้อง ยังเป็นแนวทางกำจัดที่ไม่ดี อาจจะนำไปฝั่งกลบโดยไม่ถูกวิธี ถือเป็นปัญหา เพราะจะตกค้างสะสมไปเรื่อย และไม่มีพื้นที่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาในอนาคต 

 

           ตามกฎหมาย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล พัทยา จะเป็นผู้ดำเนินการกำจัดขยะ กฎหมายนี้มีมานานแล้ว จึงอยากเรียนประชาชนให้รับทราบว่า ท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องขยะ และท้องถิ่นจะถูกกำกับโดยกระทรวงมหาดไทย ท้องถิ่นเป็นนิติบุคคล สามารถทำได้ตามภารกิจในสิ่งที่เห็นควรต้องทำ เช่นขยะ โดยมีผู้บริหารท้องถิ่นและสภาท้องถิ่นรับผิดชอบ ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย ได้แต่กำกับดูแล ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย หรือกฎระเบียบ จะไปยุ่งกับเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้ทำ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ 


          “นี้คือการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกนำไปโจมดี ดังนั้นสรุปว่าขยะต้องกำจัด คนมีหน้าที่รับผิดชอบคือท้องถิ่น ทำในฐานะนิติบุคคล กระทรวงมหาดไทย ได้แต่กำกับ ซึ่งในวันนี้มีท้องถิ่นประมาณ 7,500 แห่ง ขณะที่กองขยะจากการสำรวจ พบว่ามี 2,810 กอง ถ้าให้ทั้งหมดนี้ตั้งโรงกำจัดขยะทั้งหมด ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาล ไม่มีงบประมาณให้ ขณะเดียวกันขยะไม่พอเพียง ที่จะกำจัดให้เป็นพลังงาน ซึ่งจะต้องมี 300 ตันต่อวัน จึงจะทำได้ ดังนั้น ท้องถิ่นเล็ก ๆ ต้องรวมกันเป็น กลุ่ม มหาดไทยจึงแบ่งเป็น 324 คัตเตอร์ โดยต้องการให้ทั้งหมดนี้กำจัดขยะให้ได้ โดยไม่มีขยะตกค้าง” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว 

 

          พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เมื่อท้องถิ่นเก็บขยะมาแล้ว ก็ไม่มีเงินที่จะไปจ้างโรงกำจัดขยะ เนื่องจากมีราคาสูง จึงหันไปใช้วิธี ทิ้งหรือฝั่งกลบแบบเดิม ซึ่งมีราคาถูกกว่า จึงกลายเป็นปัญหาประเทศชาติต่อไป โดยเจตนารัฐบาลต้องการให้นำไปเผา ซึ่งทางออกที่พอลดค่าใช้ได้คือ ถ้าเผาแล้วเป็นพลังงานไฟฟ้า ขายไฟฟ้าได้ ค่ากำจัดขยะก็จะลดลง แต่การลงทุนสร้างโรงกำจัดขยะ ต้องร่วมทุนกับเอกชน เพราะรัฐบาลไม่มีเงินให้สร้างโรงเผาขยะ 300 โรงได้เพราะค่าใช้ลงทุนสร้าง โรงละประมาณพันล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่รัฐบาลจะหาเงินให้ท้องถิ่นได้ และท้องถิ่นเมื่อลงทุนแล้ว ผลกำไรไม่ได้ย้อนมาที่รัฐบาล ดังนั้นต้องลงทุนเอง    

 

          พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า วันนี้กระทรวงมหาดไทยถูกโจมตีว่าอำนาจในการกำจัดขยะไม่ใช่ของกระทรวงมหาดไทยต่อเนื่องมาจากการรวมอำนาจแล้วต้องได้ ขอยืนยันว่าอำนาจหน้าที่เป็นของกระทรวงมหาดไทยโดยตรง ตามขั้นตอนหลังจากที่ท้องถิ่นรวมกันเป็นคัตเตอร์ และตกลงใจกันว่าจะทำลายขยะด้วยการเผา เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อลดค่าใช้จ่าย

 

          ส่วนการขออนุมัติสร้างโรงกำจัดขยะจะได้หรือไม่ เวลานี้ยังไม่มีใครตอบได้ ต้องขออนุมัติตามขั้นตอน เพราะกระทรวงพลังงานมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว หากไม่เห็นชอบตามที่เสนอมา ก็จะต้องมีเหตุผลในการชี้แจง แต่ถ้าการดำเนินการของเขาถูกต้องก็ต้องอนุมัติ จากนั้นท้องถิ่นจะดำเนินการประกวดราคา หาผู้ร่วมลงทุน เมื่อได้บริษัทผู้ร่วมลงทุน ก็ต้องไปขอกระทรวงพลังงานว่าอยากจะขายไฟเพื่อให้กระทรวงพลังงานรับซื้อ เมื่อขอได้เรียบร้อยก็ต้องเร่งสร้างโรงกำจัดขยะ เพื่อผลิตไฟฟ้า 

 

          “กรณีที่มีการโจมตีบุคคลในครอบครัวของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะนั้น ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแน่นอน ลูกชายบอกว่าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือร่วมทุนกับใคร เรื่องนี้ไม่ใช่จะมากล่าวหากันบ่อยๆได้ถ้า คิดว่ามีข้อมูลก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ ประเทศชาติถ้ามีใครโกงต้องจับเข้าคุก ไม่ใช่มาด่าทอส่งเดช ขอแนะนำว่าอย่ามาโจมตี ควรจะไปบอกหน่วยงาน ที่เขามีอำนาจในการตรวจสอบและลงโทษ”พล.อ.อนุพงษ์กล่าว 


          พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราคำนวณว่าค่าจัดเก็บขยะจนไปถึงที่กำจัดขยะ จะต้องจัดเก็บ 102 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน และก็รู้ว่าการจัดเก็บดังกล่าวเกิดปัญหาแน่ ฉะนั้น คิดว่าต้องค่อย ๆ สร้างการยอมรับไปก่อน เพื่อให้คนยอมรับได้ โดยจะเริ่มต้นเก็บ 60 บาทในขั้นต้นไปก่อน เรื่องนี้ได้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยจะณรงค์สร้างการรับรู้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ 

 

          "หลายคนอาจจะมองว่าจะเก็บเงินตรงนี้ได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นการบริการของภาครัฐ แบ่งเงินส่วนนั้นคือภาษีที่มาจากประชาชน ซึ่งควรจะนำไปให้บริการอีกหลายส่วนกับประชาชน แต่ถ้านำเงินส่วนนั้นที่เป็นภาษีของประชาชนมาใช้ในเรื่องของการจัดเก็บและกำจัดขยะ ก็จะไปลดทอนในส่วนที่ภาครัฐจะต้องให้บริการด้านอื่น อย่างเช่นสวนสาธารณะหรือฟุตบาทและเรื่องอื่น ๆ ในที่สุดก็จะย้อนกลับมาเป็นปัญหาวังวน ประเทศไทยไม่อยากเสียภาษีแต่เรียกร้องที่จะอยากได้หลายอย่าง" รมว.มหาดไทย กล่าว

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ