แม่น้องเกด จี้ อัยการทำคดีฟ้องคนยิงลูกตาย

 

           7 ส.ค.61 - เมื่อเวลา 10.00 น.เศษ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นางพะเยาว์ อัคฮาดมารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาซึ่งถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุม นปช. ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) และทีมทนายความของญาติผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บเหตุการณ์ชุมนุม ยื่นหนังสือถึง "นายเข็มชัย ชุติวงศ์" อัยการสูงสุด เพื่อให้ติดตามความคืบหน้า คดีฆ่าคนตายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เคยส่งสำนวนมายังอัยการแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า         

 

        

          โดย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือแทนอัยการสูงสุด ซึ่ง "นายประยุทธ" กล่าวว่า หลังจากรับหนังสือก็ลงรับเลขไว้ตามขั้นตอนธุรการ และจะนำเรื่องเรียนให้นายเข็มชัย อัยการสูงสุดทราบต่อไป

          ด้าน นายวิญญัติ เลขาธิการ สกสส. และทีมทนายความของญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายชุมนุม ปี 2553 หลายคดีได้ทำสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพกระทั่งศาลมีคำสั่งชี้ชัดแล้วกว่า 10 สำนวน ซึ่งสำนวนที่อยู่ในมืออัยการสูงสุดนั้นมีการชี้ชัดว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแล้วยังมีประชาชนที่บาดเจ็บนับ 1,000 ราย

          เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดของผู้ที่ลงมือฆ่าหรือคุมกำลังในขณะนั้น ที่ศาลฎีกายกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯและอดีต ผอ.ศอฉ. นั้นก็เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ส่วนที่ ป.ป.ช.ตีสำนวนตกไปเป็นเรื่องการวินิจฉัยหลักฐานเบื้องต้นที่ ป.ป.ช.เลือกที่จะไต่สวน ซึ่งเรายังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ ขณะที่ส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติหรือผู้คุมกำลังซึ่งมีส่วนโดยตรงทำให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บหายไปไหนซึ่งตนทราบว่าบางสำนวนที่ว่านี้ดีเอสไอสอบสวนเสร็จและส่งให้อัยการแล้ว

          "พวกเราติดตามความคืบหน้ามาหลายปีจนวันนี้ นางพะเยาว์ต้องมายื่นหนังสือในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ววันนี้เราจึงมายื่นด้วยตัวเองว่าคดีหายไปไหน ที่สำคัญเราได้ยินมาว่าอัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีถูกสั่งย้ายนอกฤดูกาลเราจึงอยากรู้ว่าจริงหรือไม่ หากจริงมีเหตุผลอะไรในการย้ายจึงขอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ"

 

           

          นายวิญญัติ เลขาธิการ สกสส. และทีมทนายความของญาติผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า คดีนี้สาเหตุการตายมาจากเจ้าหน้าที่รัฐถือเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมตามกฎหมาย เป็นการใช้อำนาจของอัยการสูงสุดที่จะต้องนำตัวคนกระทำมาฟ้องต่อศาล ส่วนที่เรากังวลใจคือพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องถ้าอัยการมีประเด็นเห็นสั่งสอบเพิ่มก็ควรมีคำสั่งลงมา แต่ที่เราได้รับข้อมูลมาคือมีคนพยายามที่จะทำให้สำนวนคดีนี้เป็นสำนวนคดีดำคือคดีที่จะมีความเห็นว่าไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ ตรงนี้เป็นจุดที่เราวิตกกังวลและเห็นแย้งกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนการตายทั้งหมด เราก็ขอให้อัยการแจ้งผลและความคืบหน้าด้วย ซึ่งยืนยันว่าเรายังติดใจว่าบ้านนี้เมืองนี้ประชาชนจะตายฟรีไม่ได้

          ด้าน "นางพะเยาว์" มารดาของน.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาซึ่งถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิต กล่าวว่า พอศาลชี้สาเหตุการตาย เราก็คิดว่าคดีจะได้เดินหน้าต่อ แต่พอมีรัฐประหารขึ้นมาคดีมันกลับเงียบจนเรากระวนใจ คดีนอกจากมีความล่าช้ามากเรายังเห็นว่ามีทหารหลายนายที่เคยนั่งอยู่ใน ศอฉ. ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนำกำลังพลที่เป็นทหารพร้อมอาวุธสงครามปราบปรามประชาชนปี 2553 แต่กลับได้ดิบได้ดีหลายคนเป็นรัฐมนตรี บางคนมีชื่อจะดำรงตำแหน่งระดับสูงของกองทัพ  จึงอยากทราบว่าเหตุใดสภากลาโหมจึงไม่คำนึงถึงจิตใจของญาติผู้ตายบ้าง  

         "ดิฉันในฐานะหนึ่งในญาติผู้เสียชีวิตมีความเคลือบแคลงสงสัยว่า การกระทำความผิดจากการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก  แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า เพราะอย่างนี้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ ป.ป.ช.ตีตกไปซึ่งคดีนั้นก็ทำร้ายจิตใจกับพวกเรามากพออยู่แล้ว  ดังนั้นเรามาขอให้ อสส.ทำเรื่องนี้ให้เกิดความยุติธรรม คนตายคนบาดเจ็บใจกลางเมืองหลวงเช่นนี้ แต่หาผู้กระทำความผิดไม่ได้ได้อย่างไร" มารดาของพยาบาลอาสาซึ่งถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิต กล่าวย้ำ