ประชาชนสวมเสื้อเหลืองลงนามถวายพระพรเนืองแน่น

         วันที่ 28 ก.ค. 2561 สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ที่บริเวณศาลาสหทัยสมาคม และที่บริเวณสนามหญ้าข้างศาลาลูกขุน

          บรรยากาศการลงนามถวายพระพรในวันที่สองเป็นไปอย่างคึกคักมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร มูลนิธิต่างๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปร่วมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองเดินทางนำแจกันดอกไม้ และสิ่งของต่างๆ มาทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมลงนามถวายพระพรชัยมงคลด้วยความจงรักภักดีไม่ขาดสาย อาทิ

รศ.ดร. วินัย ดะห์ลัน-ปรีดา เชื้อผู้ดี-พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่

          รศ.ดร. วินัย ดะห์ลัน รองประธานกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เผยว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความเมตตาแก่พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศ อีกทั้งเสด็จแทนพระองค์ในงานเมาลิคไม่เคยขาด แสดงให้เห็นว่าพระองค์มีเมตตากับพสกนิกรชาวมุสลิม เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พี่น้องชาวมุสลิมแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน

        "สิ่งที่พระองค์แนะนำมาตลอดโดยเฉพาะเรื่องจิตอาสา เราจะได้เห็นภาพพี่น้องชาวมุสลิม ในเรื่องนี้ชัดเจนในเหตุการณ์ถ้ำหลวง ไม่ว่าเป็นนักปีนเขา นักเจาะน้ำบาดาล  แม่ครัวที่มาจากอำเภแม่สาย เพราะฉะนั้นเรื่องความเป็นจิตอาสา ล้วนมาจากแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสนับสนุนโครงการจิตอาสา และในช่วงนั้น พี่น้องมุสลิมกว่า 4,000 คน ร่วมกันละมาดให้กับทีมหมู่ป่า เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นความเป็นปึกแผ่น ซึ่งเราไม่เคยเห็นภาพลักษณะนี้มาก่อนเลย และตอนนี้จิตอาสาพี่น้องชาวมุสลิม ยังเดินทางไปช่วยเหลือชาวลาวที่ประสบภัย   การที่พสกนิกรสัมผัสได้ถึงพระเมตตาพระองค์ท่าน สิ่งหนึ่งที่พสกนิกรแสดงให้พระองค์ท่านได้เห็น คือเรื่องความรักสามัคคี เพื่อเป็นการตอบแทบพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10" 

ชญา ณัทกฤช ณ ถลาง-บงกช ดวงทวีป

         นายชญา ณัทกฤช ณ ถลาง อายุ 55 ปี เดินทางมาจากแม่สอด จ.ตาก พร้อมกับภรรยานางบงกช ดวงทวีป กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ก่อนเข้าลงนาม ได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พระองค์เสด็จทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวัดพระแก้วในวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษาก็เข้าเฝ้ารับเสด็จบริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี   ชื่นชมพระบารมี  สิ่งที่ประทับใจทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครอง ห่วงใย และดูแลประชาชน  ตลอดจนพระราชทานความช่วยเหลือ สร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเสมอมา ทั้งกรณีหมูป่าติดถ้ำหลวงและจ่าแซมผู้สละชีวิตจากเหตุการณ์นี้  ทรงพระเมตตาอย่างมาก รวมถึงทรงห่วงใยประเทศเพื่อนบ้านล่าสุดอุทกภัยรุนแรงที่ลาว  ในฐานะพสกนิกรคนหนึ่งจะเดินตามรอยพระบาท  และในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาจะขอทำความดีและปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด  
         ด้าน นางบงกช ดวงทวีป ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ อายุ 51 ปี ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับสามี นายชญา ณัทกฤช ณ ถลาง เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรที่บริเวณท้องสนามหลวงในช่วงเช้า ก่อนจะพากันเดินเข้ามาร่วมลงนามถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 10  เล่าว่า แม้ว่าตัวเองจะทำงานในกระทรวงศึกษามานานแต่ไม่เคยทราบมาก่อนว่า ในหลวงรัชกาลที่10 ทรงดูแลด้านการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อทรงราชสมบัติ และได้เห็นจากข่าวพระราชกรณียกิจจากสื่อต่างๆ จึงได้ทราบ ทั้งการพระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากจน พระราชทานอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ว่าพระองค์ท่านทรงทำงานเยอะมากๆ เหมือนกันไม่น้อยกว่าพระราชบิดา ก็ตั้งใจว่าวันนี้เป็นวันมงคล จึงถือเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองด้วยการร่วมทำบุญตักบาตรและลงนามถวายพระพร ต่อด้วยไหว้พระและเดี๋ยวจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเป็นจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อมารอรับฯ เสด็จอีกครั้งในช่วงบ่าย จนกระทั่งอยู่ร่วมจุดเทียนถวายพระพรซึ่งตัวเองและสามีได้ฝึกร้องเพลงสดุดีจอมราชาเพื่อมาร่วมร้องในค่ำนี้ด้วย

มณีรัตน์ พันธ์ธนพฤกษ์-กมลพร-พัสกร ภักดีวงษ์

         น.ส.มณีรัตน์ พันธ์ธนพฤกษ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นำลูกชาย ด.ช.พัสกร เรียนชั้น ป.2 และลูกสาว ด.ญ.กมลพร ภักดีวงษ์ เรียนชั้น อ.3 มาลงนามถวายพระพร เผยว่า เนื่องด้วยหน่วยงานต้องมาลงนามถวายพระพรจึงถือโอกาสนี้พาลูกๆ มาด้วย โดยบอกตามภาษาชาวบ้านว่าวันนี้เป็นวันเกิดในหลวงร.10 แม้วันนี้วันเสาร์โรงเรียนปิดก็ให้ตื่นแต่เช้า และเมื่อมาถึงต้องสุภาพเรียบร้อย นอกจากนี้ยังนำเรื่องจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจมาสอนเขา และพาลูกชายไปสมัครเป็นจิตอาสาด้วย หรือหากที่ทำงานมีงานจิตอาสาก็มาลูกมาร่วมด้วย เช่น หากใครต้องการความช่วยเหลือ เดือดร้อนก็ให้เข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล หรือหากพบเจอสตางค์ ของหล่นหาย ก็ให้นำไปคืนคุณครู เพราะไม่ใช่ของๆ เราก็ต้องเอาไปคืน

กำจัด ก้อนไพบูลย์

         นายกำจัด ก้อนไพบูลย์ อายุ 81 ปี ชาวท่าพระ กรุงเทพฯ อาชีพค้าขาย และเป็นผู้ตรวจการอาสากองลูกเสือแห่งชาติ เผยว่า เป็นลูกเสือมากว่า 50 ปี รู้สึกภาคภูมิใจและดีใจมาก เพราะทุกปีต้องมาลงนามถวายพระพรตั้งแต่สมัยในหลวงรััชกาลที่ 9 และด้วยจิตสำนึกที่เห็นในหลวงร.10 เสด็จฯ ตามพระราชบิดา ยังจำภาพที่ฉลองพระองค์ลูกเสือได้ และระลึกถึงท่านอยู่เสมอ แม้เคยได้เฝ้าฯ รับเสด็จหลายครั้ง แต่ที่ประทับใจคือเมื่อปีที่แล้ว ที่พระองค์เสด็จฯ ถวายพระกฐินที่วัดโพธิ์ ผมได้พาเด็กๆ แต่งชุดลูกเสือไปรับเสด็จฯ ท่าน และพระองค์ทรงหันมาทำวันทยาหัตถ์ให้ สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ผมและเด็กๆ ด้วย
         ขณะเดียวกันได้น้อมนำคำสอนในเรื่องการเลี้ยงชีพให้มีความขยันหมั่นเพียร  ทำงานสุจริต ซึ่งทุกวันนี้แม้อายุเกินเลข8 แล้วก็ยังแข็งแรงไม่มีโรคภัยใดๆ พร้อมนำคำสอนเหล่านี้บอกต่อเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานด้วย

สยาม สุนทรพงค์

         นายสยาม สุนทรพงค์ ชาว จ.นครสวรรค์ อายุ 49 ปี กล่าวว่า เดินทางมาลงนามถวายพระพรทุกปี ตั้งแต่ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชบิดา  จนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10  ประทับใจสมเด็จพระเจ้าอยู่ที่ทรงให้ความสำคัญงานด้านจิตอาสา ตนก็สมัครเป็นจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจเช่นกัน ทุกคนต่างมาด้วยใจ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมทำความดี แนวพระราชดำริของพระองค์ทั้งด้านการศึกษา และการดำรงชีวิตที่ทรงสานต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 ตนก็นำมาสั่งสอนปลูกฝังให้กับลูกสาวทั้ง 2 คน นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน รู้สึกโชคดีที่ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ยึดเหนี่ยวจิตใจ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยแท้จริง