"หนุ่มเมืองชล" ปลอมบัตรประชาชน "ลุงตู่" ประกัน 1 แสน

            13 ก.ค.61-ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี่ (ปอท.) ได้ควบคุมตัว "นายพีระเมศร์ วงศ์ทองเกื้อ" อายุ 31 ปี ชาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีปลอมบัตรประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปลงทะเบียนซิมการ์ด มายื่นฝากขังครั้งแรก

          ต่อมา ญาติของ "นายพีระเมศร์" ผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการฝากขัง

           

           โดยเมื่อเวลา 16.00 น.เศษ ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นฝากชัง โดยตีราคาประกัน 100,000 บาท 

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการฝากขังนี้ เป็นการยื่นฝากขังครั้งแรก รวมเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 – 24 ก.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จ โดยพนักงานสอบสวน ระบุถึงเหตุจำเป็นว่า
ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก และรอผลตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งพนักงานสอบสวน ก็ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีด้วย

           ขณะที่คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนเกิดเหตุบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ได้กระทำความผิดในการลงทะเบียนซิมแบบเติมเงิน จำนวน 23 หมายเลข โดยนำข้อมูลบัตรประชาชนปลอม ที่ตัดต่อภาพของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" มาใส่ในรูปบัตรประชาชน และปรากฏข้อมูลอื่นๆที่เป็นเท็จ เช่นเลขบัตรประชาชน  ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าวเกิดจากการใช้โค้ดของเพื่อนคู่ค้าของบริษัท (DEALER) จำนวน 9 ราย ที่ใช้ในการลงทะเบียนในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท ทำให้เกิดความเสียหาย และจากการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ก็ทราบตัวผู้กระทำผิด แล้วจึงขอศาลอาญาออกหมายจับที่ 1382/2561 ลงวันที่ 22 มิ.ย.61 

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.61 เวลาประมาณ 16.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.และ บก.ป.ร่วมกันจับกุมตัว "นายพีระเมศร์" ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ได้ที่ร้านชานโมบาย จ.ชลบุรี พร้อมของกลาง 5 รายการ  คือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ  โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโมโตโรล่า สีดำ พร้อมซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว และซิมการ์ดเครือข่ายทรูมูฟ รวมจำนวน 29 ซิม กับอุปกรณ์อื่นๆ  โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน , ทำให้เสียหายทำลายแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ชอบ และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ , ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  พร้อมส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

            ชั้นสอบสวน "นายพีระเมศร์" ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพข้อหาใช้เอกสารปลอมฯ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 แต่ให้การปฏิเสธข้อหาปลอมเอกสาร

       โดยศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้