ออกหมายจับ "วัฒนา" เบี้ยวนัดฟังฎีกาคดีทุจริตคลองด่าน

          30 พ.ค.61 - ที่ห้องพิจารณา 407 ศาลแขวงดุสิต ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 คดีฉ้อโกงซื้อที่ดินและสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ หมายเลขดำ อ.254/2547 ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง

 

          1.กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี หรือ NVPSKG (ศาลไม่รับฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์) 2.บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ 4.บริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ 5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ 6.บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) 7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการ บริษัท สี่แสงการโยธาฯ 8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 10.บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ 11.นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ 12.บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ฯ

 

 

          13.นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ 17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย (จำเลยหลบหนีคดีตั้งแต่ชั้นอุทธรณ์) เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินที่จัดซื้อมานั้นเป็นของกลุ่มบริษัทพวกจำเลยที่จัดหามา ซึ่งเป็นลำคลอง ถนนสาธารณะและป่าชายเลน กับฉ้อโกงสัญญาก่อสร้างฯ มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

 

          อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ ตรวจสอบรายชื่อจำเลยที่มาศาลแล้ว ปรากฏว่า นายรอยอิศราพร กก.บ.เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ จำเลยที่ 11, นายชาลี กก.บ.คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 13, นายชยณัฐ กก.บ.คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 15 และนายวัฒนา (หลบหนีคดีตั้งแต่ชั้นอุทธรณ์) อดีต รมช.ทหาดไทย จำเลยที่ 19 ที่ได้รับหมายโดยชอบแล้ว ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ

 

 

          นอกจากนี้จำเลยที่ 7 มีอาการป่วยหนัก โดยมีบุตรสาวของจำเลย มาแถลงยืนยันแสดงใบรับรองแพทย์ต่อศาลว่า บิดาพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อจะเข้ารับการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหัวใจขาดกระทันหัน และนัดผ่าตัดเพื่อรอจะทำบอลลูนหัวใจและผ่าตัดต่อมน้ำลาย ซึ่งแพทย์ยังต้องตรวจดูความพร้อมของร่างกายระยะหนึ่ง จึงขอให้เลื่อนนัดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน

 

          ศาลพิเคราะห์แล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 7 เชื่อว่ามีอาการป่วยจริง กรณีมีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ 

 

          สำหรับจำเลยที่ 11, 13, 15, 19 ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสี่ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในนัดหน้า

 

 

          ขณะที่ศาล สอบถามผู้แทนทนายความของ คพ.โจทก์แล้ว ไม่คัดค้านที่จะเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปอีกครั้งก่อน

 

          ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 3 ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นัดอ่านฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มี.ค.61 ซึ่งศาลแขวงดุสิต ได้มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้ เนื่องจากจำเลยที่ 11 - 13, 15 ,19 ไม่มาศาล โดยจำเลยบางคนยังไม่ได้รับหมายนัด เพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ และจำเลยบางส่วนไม่มีเลขที่พักแน่ชัด เพราะถูกไฟไหม้ รวมทั้งจำเลยบางราย มีอาการป่วยเข้ารับการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกาย ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาไปก่อน ศาลพิจารณาแล้วจึงให้ส่งหมายนัดใหม่ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายแทน

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 52 โดยศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 ส.ค.51 นายวัฒนา ยังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ ออกโฉนดที่ดินใน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับ บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนา หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี.