ไทย ส่งผู้ลี้ภัยสงคราม ให้ "เมียนมา"

 

         เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พล.ต.สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3

 

 

       ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ ได้ส่งผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา จำนวน 73 คน จาก 23 ครอบครัว ไปยังจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายเมียวมิ้น ทุน เอกอัครราชทูตประเทศเมียนมา ประจำกรุงเทพฯ เดินทางมาร่วมรับผู้ลี้ภัย 

 

       ทั้งนี้ ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบทั้งหมดมาจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ทั้งหมด 4 แห่ง คือพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านแม่หละ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง , พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ พื้นที่พักพิงผู้ลี้ภับจากการสู้รบ บ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านต้นยาง จังหวัดกาญจนบุรี

 

       โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถตู้โดยสารให้ผู้ลี้ภัยทั้งหมดโดยสารผ่านด่านพรมแดนไทยเมียนมา (แม่สอด-เมียวดี) ข้ามสะพานมิตรภาพไทยเมียน- มา ไปยังจังหวัดเมียวดี ขณะที่ทางด้านฝั่งเมียนมา มีนางขิ่น ทวย มิ นายกรัฐมนตรีรัฐกะเหรี่ยง , พ.อ.เมียวมิ้น หน่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงชายแดน และความมั่นคงแห่งรัฐกะเหรี่ยง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดเมียวดี ร่วมให้การต้อนรับผู้ลี้ภัยทั้งหมด

 

 

 

     

        นายเมียวมิ้น ทุน เอกอัครราชทูตประเทศเมียนมา ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณ รัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย กองทัพภาคที่ 3 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) และองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วยดีตลอดมา ซึ่งผู้ลี้ภัยทั้งหมดกลับไปด้วยความสมัครใจ หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างได้เข้าไปสัมภาษณ์ ในการยืนยันเพื่อเดินทางกลับไปประเทศเมียนมา

 

 

 

       อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า ในสัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2561 ก็จะมีการเริ่มทำการสำรวจ และสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัย ที่มีความประสงค์เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาประเทศหรือประเทศเมียนมาอีก

 

 

         การส่งผู้ลี้ภัยสัญชาติเมียนมากลับไปยังภูมิลำเนาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้ส่งไปเมื่อเดือนตุลาคม 2559 ซึ่งผู้ลี้ภัย บางส่วนไม่มั่นใจ และมีการเปลี่ยนใจไม่กลับไปบ้าง แต่ส่วนมากกลับไป

---***---