ข่าว

จี้ปลดผอ.พศ.แนะควรเป็นลูกศิษย์วัดที่ดีไม่ใช่แจ้งจับพระ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กลุ่มชาวพุทธฯยื่นปปป.ดำเนินคดี 157 "พงศ์พร" ระบุผอ.พศ.มีหน้าที่สนองงานสงฆ์ ควรเป็นลูกศิษย์วัดที่ดีไม่ใช่แจ้งจับเจ้าอาวาส กรณีพระทำผิดต้อง ให้สงฆ์จัดการกันเองด้ว

        24 เมษายน  2561 กลุ่มชาวพุทธฯยื่นปปป.ดำเนินคดี 157 "พงศ์พร" ระบุผอ.พศ.มีหน้าที่สนองงานสงฆ์ ควรเป็นลูกศิษย์วัดที่ดีไม่ใช่แจ้งจับเจ้าอาวาส กรณีพระทำผิดต้อง ให้สงฆ์จัดการกันเองด้วยพระธรรมวินัย ให้เวลา 1 เดือน หากไม่คืบหน้าจะหารือยกระดับมาตรการต่อไป

 

 

         ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)  นายจรูญ วรรณกสิณานนท์   นอ.วินัย เสวกวิ ตัวแทนเครือข่ายชาวพุทธพลังแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา  ผู้การปปป. เพื่อดำเนินคดีกับพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

 

        จากกรณีกล่าวหาพระสงฆ์ 5 รูป มีส่วนร่วมในการทุจริตเงินทอนวัด ทำให้วงการคณะสงฆ์เกิดความเสียหาย เป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียง  เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามจากประชาชนทั่วไป และเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมและวิกฤติศรัทธาต่อพระสงฆ์ ผู้บวชอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา  จึงเป็นเจตนาที่หวังผลให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระสงฆ์ไทย และเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติอีกด้วย
 

         นายจรูญ กล่าวว่า กรณีเงินทอนวัดสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ขณะที่ตำแหน่งผอ.พศ.ตามกฎหมายมีหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ เสมือนเป็นเลขานุการทำงานทุกอย่างเพื่อพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เข้ามาตรวจสอบพระสงฆ์  

 

        ในอดีตพ.ต.ท.พงศ์พรเคยเป็นตำรวจ เคยทำงานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่อำนาจการตรวจค้นและดำเนินคดีหมดไปตั้งแต่โอนย้ายมาเป็นผอ.พศ. อำนาจหน้าที่ของพศ.คือสนองงานพระสงฆ์ บริหารงานให้พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาโลก เผยแพร่หลักธรรม  

 

          การกระทำของผอ.พศ.ต่อพระสงฆ์ทั้ง 5 รูป จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังจากแจ้งความที่ปปป.แล้ว ตนจะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนในประเด็นเดียวกันนี้ที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน ฃและสำนักงานงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และในช่วงบ่ายจะเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้มีคำสั่งปลดหรือถอดถอน พ.ต.ท.พงศ์พรจากตำแหน่ง เบื้องต้นทางกลุ่มจะให้เวลาหน่วยราชการต่าง ๆ เป็นเวลา 1 เดือน หากผลการตรวจสอบของหน่วยราชการไม่คืบหน้า จะหารือเพื่อดำเนินการในมาตรการต่อไป

 

       

         ผู้สื่อข่าวถามว่าผอ.พศ.ดำเนินคดีกับพระสงฆ์ทั้ง 5 รูป ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย นายจรูญ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงประเด็นเดียว แต่การดำเนินการกับพระสงฆ์ควรทำไปตามขั้นตอนของสงฆ์ ซึ่งมีธรรมวินัยกำกับอยู่ ประชาชนหรือข้าราชการไม่ใช่ผู้ปกครองสงฆ์ ส่วนการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายจรูญ กล่าวว่า ตนไม่มองลึกไปถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบกับพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปเลย การดำเนินการของกลุ่มในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของพระรูปใด แต่ทำในนามชาวพุทธที่ต้องการปกป้องศาสนา

 

          "พระสงฆ์บวชเพื่อสร้างบารมี ไม่ใช่บวชเพื่อดำรงชีพ พระบางรูปสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศมากกว่า 1,000 ล้านบาท การจะรับเงินทอน 3 ล้าน 5 ล้าน หรือ 20 ล้าน เป็นไปไม่ได้ การกล่าวหาพระว่าอาบัติปราชิกเท่ากับเป็นโทษประหารในทางสงฆ์ ถูกห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน โดนจองจำไปถึงชาติหน้า"นายจรูญกล่าว

 

          นอ.เสวก กล่าวว่า พระสงฆ์ถือกฎหมาย 2 ฉบับ ฉบับแรกคือพระธรรมวินัย เมื่อถูกกล่าวโทษก่อนจะถึงกฎหมายบ้านเมือง ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินการทางพระธรรมวินัยต่อคณะผู้ปกครองสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์จัดการกันเองก่อน คฤหัสถ์ไม่มีอำนาจปกครองสงฆ์ หากพระสงฆ์ไม่จัดการกันเองหรือผลการดำเนินการไม่เป็นที่น่าพอใจ ค่อยไปร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่จะต้องถอดเครื่องแบบผอ.พศ.ออกแล้วไปร้องทุกข์ในฐานประชาชนธรรมดา

     

           ทั้งนี้เพราะผอ.พศ.ทำหน้าที่เป็นเลขาสงฆ์ เหมือนลูกเห็นพ่อแม่ทำผิดจะร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีพ่อแม่ไม่ได้ ผอ.พศ.ก็เหมือนเป็นลูกศิษย์วัดจะมาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม  โดยมารยาทไม่สมควร ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พระสงฆ์ไม่มีแรงจะมาสู้รบปรบมือกับประชาชน ประชาชนและพศ.ไม่ใช่ผู้ปกครองสงฆ์

 

         "พระสงฆ์เป็นนักรบทางจิตใจและวิญญาณ ไม่ใช่นักรบทางกฎหมาย การที่พลเรือนหรือประชาชนเอากฎหมายไปยัดเยียดพระสงฆ์ตามไม่ทัน หากเราไม่ออกมาพระสงฆ์ต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว ทั้งนี้ขอสื่อมวลชนระมัดระวังการนำเสนอข่าวซึ่งอาจเป็นการสร้างกระแส  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อความมั่นคง  โดยเรื่องเงินทอนนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเงินมาถวายพระแล้วนำเงินกลับไป แต่สุดท้ายมาโยนความผิดให้พระสงฆ์เป็นผู้กระทำผิดร่วม ผอ.พศ.ควรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดมากกว่า ไม่ใช่มาดำเนินคดีกับพระสงฆ์ ตอนนี้พระสงฆ์ทั่วประเทศต่างหวั่นวิตก กลัวว่าพศ.นำเงินมาถวายแล้วจะตามาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง" นอ.เสวกกล่าว

 

          ขณะที่ พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบและให้พนักงานสอบสวน ปปป. สอบปากคำให้การผู้ร้องทุกข์ ก่อนพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ