โวยสื่อโพสต์ภาพ'3 กษัตริย์'สวมหน้ากากกันฝุ่นควัน

 

               ชาวเชียงใหม่ไม่พอใจ สื่อท้องถิ่นภาคภาษาอังกฤษ นำภาพวาดผู้สร้างเวียงเชียงใหม่ “อนุสาวรีย์สามกษัตริย์” สวมใส่หน้ากากป้องกันปัญหาหมอกควันโพสต์ลงเฟซบุ๊กจัดกิจกรรมเชิญชวนให้ชาวเชียงใหม่ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นควันรวมตัวกันที่ประตูท่าแพ ระบุเป็นการทำลายภาพลักษณ์ ด้านกลุ่มสล่าวาดภาพสีน้ำเชียงใหม่ ชี้ไม่เหมาะสมไม่ควรเผยแพร่ เป็นการลบหลู่-ล้อเล่นกับความรู้สึกของชาวเชียงใหม่ ด้านสื่อต้นเหตุ อ้างไม่มีเจตนาเชื่อมโยงการจัดกิจกรรรม เห็นภาพเป็นงานศิลปะที่สื่อให้เห็นถึงปัญหาทางสังคมเท่านั้น ส่วนสื่อท้องถิ่น เรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ

               เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเซียลมีเดียของจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีที่มีสื่อท้องถิ่น ซึ่งเป็นสื่อภาคภาษาอังกฤษ ชื่อว่า Citylife Chiangmai ได้เผยแพร่ภาพวาดสีน้ำมัน  ที่ชาวจังหวัดเชียงใหม่ รู้จักกันว่า อนุสาวรีย์สามกษัตริยฺ์ ซึ่งเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ผู้สร้างเวียงเชียงใหม่คือพญามังราย, พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แต่ในภาพวาดนั้น มีการนำหน้ากากป้องกันหมอกควันมาปิดหน้าผู้สร้างเวียงเชียงใหม่ ทำให้สื่อมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนชาวเชียงใหม่ ต่างออกมาตำหนิว่า การนำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชนไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง และทำลายภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ รวมไปถึงมีชาวต่างประเทศที่ต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นเรื่องปัญหาหมอกควัน และมุมมองของภาพนี้ จนทางสื่อท้องถิ่นดังกล่าว ต้องมีการลบโพสต์ และภาพออกไปจากเฟซบุ๊ก

 

 

               นายเชิดชาย ศรีวิชัย ประธานกลุ่มสีน้ำเชียงใหม่ กล่าวว่า กลุ่มของเรามีสล่า หรือศิลปินในจังหวัดเชียงใหม่รวมตัวกันประมาณ 50 ปี ผมในฐานะประธาน เมื่อเห็นภาพดังกล่าว รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าคนวาดภาพจะเป็นเด็กนักเรียนไทยที่เรียนในโรงเรียนต่างชาติ แต่ครูที่ดูแลก็ไม่ควรนำมาเผยแพร่ และเชื่อว่าครูฝรั่งไม่ได้เข้าใจว่าชาวเชียงใหม่จะรู้สึกอย่างไร ผมมองว่า เล่นของสูง การวาดภาพเป็นศิลปะก็จริง แต่โดยพื้นฐานศิลปินล้านนา ต่างรู้กันดีว่า การวาดภาพจะนำศาสนา หรือพระพุทธรูปมาวาดล้อเล่นกับความรู้สึกของชาวเชียงใหม่ไม่ได้โดยเด็ดขาด และโดยความเชื่อความศรัทธาของชาวเชียงใหม่ ถือเป็นการลบหลู่ ที่มีการนำเอาหน้ากากมาวาดใส่ในภาพแบบนั้น

               นางสาวภีมทร์ เขมะสิงคิ บรรณาธิการ Citylife Chiangmai กล่าวว่า ภาพดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือนำไปโยงกับการจัดกิจกรรม "มาร่วมกันเอาหน้ากากของเราคืนมา ที่ได้ร่วมกับประชาชนชาวเชียงใหม่ส่วนหนึ่งเตรียมจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 2561 โดยเชิญชวนให้ชาวเชียงใหม่ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นควันแล้วมารวมตัวกันที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพราะคิดว่า พวกเราทุกคนมีสิทธิที่จะหายใจในอากาศบริสุทธิ การรวมตัวนี้เกิดจากกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ที่เป็นห่วงสถานการณ์มลภาวะทางอากาศและหวังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองใดๆ แต่เป็นการร้องขอให้ผู้อำนาจตัดสินใจทำการช่วยเหลือ ปรับปรุงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีนี้ให้ดีขึ้น โดยบ่ายวันนี้ (29 มีนาคม 2561) ได้ไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการแล้ว ถือเป็นเพียงกิจกรรมพบปะภาคประชาชนและสื่อ เพื่อส่งเสียงให้กับเชียงใหม่เท่านั้น

 

 

               โดยส่วนตัวยังยืนยันว่า ภาพวาดผู้สร้างเวียงเชียงใหม่ ที่นำมาโพสต์ลงในกิจกรรม “มาร่วมกันเอาหน้ากากของเราคืนมา” ทางเฟซบุ๊กนั้น เป็นงานศิลปะของเด็กนักเรียนไทยที่เรียนในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งที่วาดภาพส่งงานให้คุณครู พอเห็นภาพก็เลยนำมาลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นมุมมองทางศิลปะของเด็กที่ต้องการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมของจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นเลย

               รายงานข่าวแจ้งว่า สื่่อท้องถิ่นในพื้นที่ และชาวเชียงใหม่บางส่วนไม่เห็นด้วยที่สื่อดังกล่าวจะมีการรณรงค์ให้ใส่หน้ากากมาแสดงสัญลักษณ์ในวันเวลาดังกล่าว เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อมีการนำภาพวาดที่เข้าข่ายลบหลู่ต่อหัวใจของชาวเชียงใหม่ จึงมีการเรียกร้องให้สื่อดังกล่าว แสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 

               ขณะเดียวกัน จากการเข้าไปตรวจสอบที่มาของภาพ พบว่า เด็กนักเรียนไทยเจ้าของภาพวาดดังกล่าว มีการนำมาเผยแพร่ลงในอินเตอร์เน็ตหลายเดือนก่อนหน้านี้ และมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ โดยสรุปเป็นภาษาไทยใจความว่า เป็นภาพวาดสีน้ำมันงานศิลปะที่แสดงถึงปัญหามลพิษทางอากาศและ ‘ฤดูหมอกควัน’ ในภาคเหนือของประเทศไทย ฉันอยู่ที่เชียงใหม่มานานกว่า 6 ปีแล้ว และดูเหมือนว่าปัญหามลพิษทางอากาศดูเหมือนจะแย่ลง หมอกควันส่วนใหญ่มาจากเกษตรกร มีการเผาเพื่อปรับพื้นที่ี่ปลูกพืชใหม่ เนื่องจากเชียงใหม่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มลพิษจึงถูกขังอยู่ในเมืองเป็นเวลาหลายเดือน ตั้งแต่นี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีก็กลายเป็นที่รู้จักกันเป็น ‘ฤดูหมอกควัน’