"เตรียมร้อง"ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกรมการค้าภายในปล่อย"มินิบิ๊กซี"เร่ขายสินค้าตามชุมชนกระทบผู้ค้ารายย่อยเข้าข่ายผูกขาดธุรกิจ
28 มีนาคม 2561 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีรถจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อที่ขึ้นชื่อป้ายขนาดใหญ่บนตัวรถว่า "มินิบิ๊กซี" ซึ่งเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นของบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ไปวิ่งบริการและจอดจำหน่ายสินค้าลักษณะเดียวกันกับร้านค้ารายย่อยหรือร้านโชห่วยทั่วไป และอาหารแช่แข็งมาจัดจำหน่าย พร้อมกับบริการจ่ายบิล
ทั้งนี้รถดังกล่าวมีพนักงานแคชเชียร์ 1 คน และพนักงานขับรถ 1 คน ให้บริการแก่ลูกค้าในหมู่บ้านจัดสรรต่าง ๆ ใน จ.นครราชสีมา จ.ปทุมธานี การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการผูกขาดธุรกิจ แย่งช่องทางทำมาหากินของร้านค้ารายย่อยต่าง ๆ และรถโชห่วยต่าง ๆ จนเกินไป ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อร้านค้ารายย่อย เพราะร้านค้ารายย่อย ไม่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องเงินทุน และเครือข่ายธุรกิจ
แม้อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้สอบถามไปทางบิ๊กซีแล้ว ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นเพียงแนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ของบริษัท และอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ยังไม่ได้วางแผนทำอย่างจริงจังแต่อย่างใดนั้น แต่สมาคมฯเห็นว่าเป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะต้องติดตามตรวจสอบและสั่งระงับระบบค้าปลีกดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น เพราะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อร้านค้ารายย่อย ทำให้เกิดเกิดความปั่นป่วน
ทัง้นี้ราคาของสินค้าและบริการในพื้นที่ที่รถ "มินิบิ๊กซี" เข้าไปบริการจำหน่ายสินค้าและบริการ การเพิกเฉยของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการควบคุมสินค้าและบริการ ปล่อยให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ออกมาดำเนินการค้าขายโดยอ้างการทดลองตลาด โดยไม่มีใบอนุญาตการประกอบการค้าเร่ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 และไม่ได้เสียภาษีป้ายแต่อย่างใด รวมทั้งมีการดัดแปลงสภาพรถนั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.๒๕๒๒ และพรบ.การจนส่งทางบก พ.ศ.2522 ประกอบกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ.2551
นอกจากนั้น รถยนต์ "มินิบิ๊กซี" ดังกล่าว มีการติดตั้งเครื่องเสียงลำโพงบริเวณหลังคารถเพื่อขยายเสียงโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการอีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ควบคุมการใช้เสียง และเครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493เสียก่อนด้วย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของหลายหน่วยงานที่ต้องเข้าไปจัดการระงับปัญหาดังกล่าว แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวกัน ทั้งๆที่กระทบต่อผู้ค้ารายย่อย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนต่อ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" เพื่อใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบกรมการค้าภายใน รมว.กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอแนะคณะรัฐมนตรีให้ขจัดหรือระงับความไม่เป็นธรรม และให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยจะนำความไปยื่นในวันพฤหัสที่ 29 มีนาคม 2561 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ชั้น 9 ห้อง 903 อาคาร B ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง