ข่าว

‘แบม’ ยังคาใจ !! ผลสอบข้อเท็จจริงของสภาคณาจารย์ มมส.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มมส. แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีให้ ‘แบม’ กราบ - ทุบหลัง สอบ 6 ข้อ พบจริงข้อเดียว เตรียมตั้งกรรมการสอบจรรยาบรรณการใช้มือฟาดนิสิต ไม่เกิน 60 วัน รู้ผล

 

               19 มี.ค. 61  เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ ห้องประชุมสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แถลงข้อเท็จจริง กรณีผลการตรวจสอบอาจารย์หัวหน้าภาควิชา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สั่งให้ นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาการพัฒนาขุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กราบเจ้าหน้าที่ที่กระทำการทุจริต ที่ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และอาจารย์ทุบหลังน้องแบม โดยมีน้องแบมเดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงในครั้งนี้ด้วย

 

‘แบม’ ยังคาใจ !! ผลสอบข้อเท็จจริงของสภาคณาจารย์ มมส.

 

               ผศ.ดร.วิรัติ กล่าวว่า ภายหลังจากที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ส่งหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สภาคณาจารย์ ยื่นหนังสือต่อทางมหาวิทยาลัย ให้มีการสอบสวนอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง ใน 6 ประเด็น สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ปรากฏว่า ผลการสอบข้อเท็จจริง เป็นข้อเท็จจริงตามที่ทางสภาคณาจารย์ยื่นข้อเรียกร้องไป คือ 1. อาจารย์ของหลักสูตรได้มีการร่วมกันปกปิดการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ผลการสอบข้อเท็จจริงคือ ไม่พบว่ามีการปกปิดการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน ตามที่ได้ยื่นหนังสือมา

               ข้อ 2. เหตุใดอาจารย์จึงไม่ให้นิสิตดำเนินการแจ้งความเพื่อเป็นการป้องกันนิสิต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อนิสิตในภายหลัง หากว่ามีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แต่กลับนำนิสิตไปไกล่เกลี่ย และมีการบังคับข่มขืนใจให้นิสิตก้มกราบผู้กระทำผิดหรือไม่ ข้อเท็จจริง คือ ไม่ปรากฏว่ามีอาจารย์ห้ามไม่ให้นิสิตแจ้งความ และไม่ปรากฏว่าได้มีการขอร้องไม่ให้นิสิตไปแจ้งความ แต่กลับนำนิสิตไปไกลเกลี่ย และก้มกราบ ซึ่งเป็นการกราบจริง แต่ไม่ได้สั่งให้กราบเท้า ซึ่งมีการไกล่เกลี่ยกันทั้งหมด 4 คน กราบในส่วนต่างๆ เช่น กราบตัก มีเพียงน้องแบมคนเดียวที่กราบเท้า มีนิสิต 2 คน ร้องไห้ แต่ไม่ทราบเหตุผล

 

 

               ข้อ 3. มีการใช้มือฟาดนิสิตหรือไม่ และหากมี อาจารย์คนดังกล่าวทำผิดจรรยาบรรณหรือไม่ ข้อเท็จจริง คือ มีการฟาดจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนอาจารย์ว่าด้วยเรื่องจรรยาบรรณ โดยมีตนเป็น 1 ในคณะกรรมการทั้งสิ้น 5 คน แบ่งเป็น รองอธิการบดี 1 คน กรรมการ 2 คน กรรมการและเลขานุการ 1 คน และผู้ช่วยเลขานุการ 1 คน ร่วมสอบข้อเท็จจริงด้วย คาดว่า จะทราบผลภายใน 30 วัน หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกิน 60 วัน

               ข้อ 4. การเรียกนิสิตมาสอบสวนและกระบวนการสอบสวนโดยคณะ ใช้อำนาจถูกต้องหรือไม่ ให้ความเป็นธรรมกับนิสิตหรือไม่ และมีการละเมิดสิทธิ์ของนิสิตหรือคุกคามนิสิตหรือไม่ ข้อเท็จจริง สรุปว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิ์ของนิสิต เนื่องจาก ป.ป.ท. และมหาวิทยาลัย ต้องการข้อมูลจากนิสิต และได้มีการบันทึกเสียง เพื่อส่งให้กับทางมหาวิทยาลัย โดยได้มีการแจ้งให้นิสิตงดนำเครื่องมือสื่อสารเข้าไประหว่างทำการสอบสวน

 

 

               ข้อ 5. เหตุใดต้องมีการห้ามแชร์ข่าว และการห้ามนิสิตแชร์ข่าว แต่ให้นิสิตบางกลุ่มโพสต์ข้อความในเชิงโจมตีนิสิต เป็นการละเมิดสิทธิ์ของนิสิตหรือไม่ และเป็นการปฏิบัติ 2 มาตรฐานหรือไม่ ข้อเท็จจริง คือ มีการประชุมของภาควิชา โดยมีการขอความร่วมมือไม่ให้แชร์ข่าวสาร และทาง ป.ป.ท.ได้ขอความร่วมมือ ในการงดให้รายละเอียด ข้อมูล ข่าวสาร ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง ซึ่งไม่ได้ห้าม แต่เป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิดของแต่ละคน

               และข้อ 6. ให้มีกลไกในการคุ้มครองนิสิต เนื่องจากกำลังศึกษาชั้นปีที่ 4 ขณะที่อาจารย์คู่กรณีเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาการทำพัฒนานิพนธ์ ประธานและกรรมการหลักสูตร และเป็นหัวหน้าภาควิชา ที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาผลการเรียน อีกทั้งป้องกันไม่ให้อาจารย์ใช้อำนาจหน้าที่ละเมิดสิทธิ์นิสิต ข้อเท็จจริง คือ นิสิตเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ซึ่งภายหลังจากเกิดปัญหา ก็ได้ให้นิสิตเปลี่ยนพื้นที่การทำวิจัย จากเดิมที่ จ.ขอนแก่น เป็นพื้นที่อื่น ซึ่งทางอาจารย์รับปากในเรื่องของการดูแลพัฒนานิพนธ์ของนิสิต ซึ่งการตัดเกรดก็ทำให้รูปแบบของคณะกรรมการตามระเบียบของคณะ

               ทั้งนี้ ในการสอบเท็จจริง ไม่ได้บอกว่าใครถูก ใครผิด ผลการสอบจะบอกเพียงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งต่อจากนี้คงเป็นเรื่องการสอบจรรยาบรรณของอาจารย์ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ติดตามกัน หากทราบผลเป็นที่แน่นอนแล้วก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

 

‘แบม’ ยังคาใจ !! ผลสอบข้อเท็จจริงของสภาคณาจารย์ มมส.

 

               นางสาวปณิดา กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบผลการสอบเท็จจริงในวันนี้ ส่วนตัวยังค้างคาใจในหลายประเด็น เพราะบางประเด็นผลที่ออกมาเหมือนเป็นการปัดไปให้พ้นทางมากกว่า ซึ่งต้องขอดูอีกครั้ง ขอนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ก่อนว่าจะมีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่

               ประเด็นที่ยังคาใจ คือ เรื่องนิสิตไม่ได้ร้องขอในเรื่องการแจ้งความ ซึ่งเราเคยบอกไปแล้ว หลักฐานชุดเดียวกันกับที่ส่งหลักฐานให้กับทาง ป.ป.ท. มีอาจารย์ 2 ท่าน ที่ไม่ใช่ อ.ที่ปรึกษา และ อ.หัวหน้าภาค บอกให้ไปแจ้งความ ซึ่งหากหัวหน้าภาครับฟังลูกน้อง ก็ต้องมีการตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มาไกล่เกลี่ย เพราะว่าการทุจริต มันเป็นสิ่งร้ายแรงที่เราไม่ควรมองข้ามไป

 

 

               อีกประเด็น คือ เรื่องการเปิดเผยสถานที่ฝึกงาน คือเราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเปิดเผย เพราะว่าเราเป็นคนร้องเรียน เป็นคนเปิดโปงการทุจริต แล้วสิ่งที่ควรปกปิดคือสถานที่ทำวิจัย แต่ทางอาจารย์กลับเปิดเผยสถานที่ทำวิจัยกับสื่อ ให้สื่อไปประกาศออกไปทั่วประเทศ หากสมมติว่าทาง ป.ป.ท. ได้ตรวจสอบการทุจริตในพื้นที่ตนเองทำวิจัย และพบว่าพื้นที่นั้นมีการกระทำทุจริตจริง ความปลอดภัยของตนเองนั้นอยู่ตรงไหน

               ตอนนี้มีทั้งตำรวจและทหารมาดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หลังจากนี้ต่อไป เมื่อตำรวจทหารไม่อยู่แล้ว เรื่องเงียบลงไปแล้ว ก็มีความกังวลอยู่บ้างในเรื่องของความปลอดภัยหรือการคุกคามในรูปแบบต่างๆ แต่ชีวิตคนเราก็ต้องดำเนินต่อไป แต่ต้องระวังตัวมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้กำลังใจจากการลงพื้นที่ทำวิจัย มีคนที่จำได้ก็มาให้กำลังใจ บอกให้เราทำดีต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ