15 ชีวิตวิ่งหนีพายุลูกเห็บหลบในบ้านพังถล่มทับ

 

               15 มี.ค. 61  เกิดพายุฝนและลูกเห็บถล่มพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ 2 ตำบล คือ ต.กระสัง และ ต.ทุ่งวัง ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรและยุ้งข้าวได้รับความเสียหายมากกว่า 100 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกแรงลมพัดเอาหลังคาบ้านปลิว บางหลังที่เป็นสังกะสีปลิวไปไกลเกือบ 100 เมตร แต่ที่เสียหนักสุดคือบ้านของ นายคำตน สมานใจ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 223 ม.15 บ้านตุงเวียง ต.ทุ่งวัง ถูกพายุพัดบ้านพังเสียหายทั้งหลัง ทั้งนี้ มีสมาชิกในครอบครัวทั้งภรรยา ลูกและหลาน รวมทั้งหมด 15 คน ที่พากันวิ่งหนีพายุฝนและลูกเห็บเข้าไปหลบในบ้านเพราะคิดว่าเป็นที่ปลอดภัย แต่กลับถูกพายุพัดบ้านพังคลืนลงทั้งหลัง ทำให้โครงหลังคาและซากปรักหักพังของตัวบ้านทับนายคำตน ภรรยา ลูกและหลานได้รับบาดเจ็บ 4 คน ศีรษะแตกและมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย

 

 

 

               นอกจากนั้นพายุฝนและลูกเห็บยังได้พัดเอาหลังคาโรงเรียนและต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับโรงเรียนเสียหายหนัก จำนวน 3 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านกระสัง โรงเรียนบ้านหนองครก และโรงเรียนบ้านโคกอะโตด โดยมีทั้งอาคารเรียนหลังคาฝ้าเพดานโต๊ะเก้าอี้ตู้เก็บเอกสารและเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ครูและนักเรียนซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสอบปลายภาคปลอดภัย

 

 

 

               นายทองสูณ บัวมาตย์ ครูโรงเรียนบ้านโคกอะโตด บอกว่า ไม่เคยเห็นพายุฝนและลูกเห็บถล่มหนักขนาดนี้มาก่อน แต่โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเย็นที่เด็กสอบเสร็จพอดี จึงอนุญาตให้เด็กๆ กลับบ้าน หลังจากเด็กกลับบ้านแล้วก็เกิดพายุฝนและลูกเห็บถล่มอย่างหนักจนทำให้ต้นสนและต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่ปลูกไว้หน้าอาคารเรียนล้มทับอาคารเรียนพังเสียหาย ซึ่งเบื้องต้นเฉพาะโรงเรียนแห่งนี้คาดว่าทั้งอาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ทั้งนี้ ได้รายงานทาง สพป.เขต 4 หน่วยงานต้นสังกัดรับทราบแล้ว

 

 

 

               นายคำตน บอกว่า หลังกลับจากตัดอ้อยก็มีพายุฝนและลูกเห็บถล่มอย่างรุนแรง จึงบอกให้ภรรยาและลูกหลาน รวมทั้งหมด 15 คน วิ่งเข้าไปหลบในบ้าน เพราะคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่เพียงไม่นานพายุก็พัดจนบ้านพังทั้งหลังแบบไม่คาดคิด ทำให้ทั้งตนเอง ภรรยา และลูกหลานที่หลบในบ้านวิ่งออกมาไม่ทันถูกบ้านพังทับบาดเจ็บ 4 คน โชคดีที่บาดเจ็บไม่หนักมาก ก่อนจะพากันตะเกียกตะกายออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านอย่างทุลักทุเลท่ามกลางฝนที่ยังตกกระหน่ำ

 

 

 

               นายคำตน บอกว่า บ้านหลังดังกล่าวสร้างมาประมาณ 2 ปีแล้ว ด้วยเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตจากอาชีพทำนาไร่อ้อยรับจ้างทั่วไป รวมถึงเงินที่ขายควายที่เลี้ยงไว้ 2 แม่ลูกด้วย แต่ไม่คาดคิดว่าจะมาถูกพายุพัดพังเสียหายแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น และยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่ ตอนนี้จึงต้องไปอาศัยบ้านญาติก่อนชั่วคราว

 

 

 

               ขณะที่ทางองค์กรบริหารส่วนตำบลทั้ง 2 แห่ง และผู้นำชุมชนก็ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อรายงานอำเภอ จังหวัดทราบ และเร่งให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนราษฎร ยุ้งข้าว และโรงเรียนเสียหายกว่า 100 หลัง