ชาวบ้านอำเภอบ้านฝาง จ.ขอนแก่น สุดงง อยู่หมู่บ้านเดียวกันห่างแค่กำแพงกั้น แต่ภาครัฐไม่ออกโฉนดที่ดินให้
วันที่ 13 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางทองเพชร มูลมณี อายุ 53 ปี นำเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน หรือ น.ส.3ก. ที่ออกให้โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่นส่วนแยกบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2546 หรือเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา มาแสดงต่อผู้สื่อข่าวเพื่อยืนยันสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เนื้อที่ 66 ตารางวา ได้ผ่านการออกโฉนดการครอบครองที่ดิน ในรูปแบบ น.ส.3ก. ถูกต้องตามกฎหมายและมีสิทธิ์ในการนำที่ดินที่ถือครองไปทำประโยชน์ในอนาคตได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ใช่ที่ดินที่ถือครองในรูปแบบสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ที่ไม่สามารถทำประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ ได้ นอกจากการอยู่อาศัยและทำกิน หลังจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านโคกกว้าง หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10 กว่า 300 ครัวเรือน ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการออกโฉนด น.ส.3ก. ให้กับชาวบ้านที่อ้างว่าอาศัยอยู่มาก่อนที่จะมีการประกาศให้พื้นที่ตั้งชุมชนเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสาวะถี เมื่อปี 2515 จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการประกาศเขตป่าสงวนทับที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่อาศัยอยู่มาก่อนหรือไม่
นางทองเพชร เล่าว่า ก่อนที่ที่อยู่อาศัยของตนเองจะได้รับการออกโฉนดในรูปแบบของ น.ส.3ก. พื้นที่ดังกล่าวเคยมีสารการครอบครองในรูปแบบของ ส.ค.1 ซึ่งเป็นที่ดินที่บรรพบุรุษถือครองมาก่อน จากนั้นในปี 2546 ได้นำเอกสาร ส.ค.1 ยื่นขอออกโฉนด น.ส.3ก. ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่นส่วนแยกบ้านฝาง โดยมีการแบ่งพื้นที่ที่ถือครองตามเอกสาร ส.ค.1 ให้กับญาติ แบ่งเป็น 4 ส่วน โดยตนได้สิทธิ์ในการครอบครองที่ดินเป็นเนื้อที่ จำนวน 66 ตารางวา ซึ่งในช่วงที่ยื่นเรื่องขอโฉนดได้ชำระค่าดำเนินการให้กับสำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่นส่วนแยกบ้านฝาง ประมาณ 5,000 บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ออกมารังวัดเขตที่ดิน ก่อนจะได้รับโฉนด น.ส.3ก. ในอีก 6 เดือนถัดมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ยืนเรื่องขอโฉนด ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ที่ดินหรือหน่วยงานภาครัฐทักท้วงหรือแจ้งว่าที่ดินที่ตนครอบครองในรูปแบบ ส.ค.1 เป็นที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสาวะถี ไม่สามารถออกโฉนด น.ส.3 ก. ได้ ซึ่งตนก็สงสัยว่าเหตุใดที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเพียงกำแพงกั้นจึงไม่สามารถออกโฉนดได้ และที่ดินบางส่วนยังเป็นที่ดินที่บรรพบุรุษของตนแบ่งขายให้กับเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับนายบุญตรี แหลมฉลาด ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับหลังบ้านของนางทองเพชร โดยได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูพื้นที่บริเวณบ้าน เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา เพื่อยืนยันว่า ที่ดินที่เป็นตั้งบ้านอยู่อาศัย ตนและภรรยาได้ถือครองสิทธิ์ในรูปแบบ ส.ค.1 ต่อมาจากบิดาของภรรยา และเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา เคยนำเอกสาร ส.ค.1 ไปขอออกโฉนดกับทางที่ดินอำเภอ แต่ทางอำเภอแจ้งว่าไม่สามารถออกให้ได้ โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าเพราะเหตุใด ซึ่งแตกต่างจากที่ดินของนางทองเพชร ที่ห่างกันเพียงกำแพง แต่กลับไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดได้ นอกจากนี้ ยังได้นำเอกสารต้นฉบับแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือ ส.ค.1 ที่ออกให้โดยอำเภอเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2498 เนื้อที่ 14 ไร่ 70 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ทำกิน ห่างจากชุมชนประมาณ2กิโลเมตร ซึ่งตนและภรรยาได้ถือครองในรูปแบบ ส.ค.1 ไม่ใช่การถือครองในรูปแบบ ส.ป.ก.
สำหรับบ้านโคกกว้าง เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวในตำบลโคกงาม ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินได้ ซึ่งชาวบ้านระบุว่าอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินมานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ก่อนที่กรมป่าไม้จะประกาศเขตพื้นที่ป่าถาวร เมื่อปี พ.ศ.2504 ก่อนจะมีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสาวะถี เมื่อปี พ.ศ.2515 เนื้อที่กว่า 17,000 ไร่ และชาวบ้านส่วนหนึ่งมีเอกสารการครอบครองที่ดิน หรือ ส.ค.1 ที่กรมที่ดินออกให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการประกาศเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทับที่ดินทำกินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่มาก่อน โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่มีเอกสาร สค.1 เคยยื่นเรื่องเพื่อขอออกโฉนดแล้วแต่กลับไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตรวจพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดิน พร้อมกับสั่งการให้ผู้นำชุมชนรวบรวมรายชื่อชาวบ้านที่เอกสาร ส.ค.1 ตัวจริง เพื่อนำเอกสารดังกล่าวส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบ หากพิสูจน์ได้ว่าชาวบ้านรายใดอาศัยอยู่มาก่อน ทางอำเภอก็จะทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อพิจารณานำเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง