"ปธ.ศาลปกครองสูงสุด" เผยผลงานทำคดีเสร็จนับจากเปิดศาลปี 44 กว่า 1.5 แสนคดี พร้อมลุยทำหนังสือส่งเสียง 2 มิติให้ความรู้คดีปกครองผู้พิการสายตาเข้าถึงความยุติธรรม
ที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ 8 มี.ค.61 - นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้แถลงผลการดำเนินงาน วาระครบรอบ 17 ปีนับแต่ก่อตั้งวันที่ 9 มี.ค.44 ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา สามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จ 10,412 คดี ซึ่งนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่ศาลสามารถพิจารณาเสร็จได้จำนวนมากกว่า 10,000 คดี เพราะเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในรอบ 5 ปี คือ ช่วง 2555-2559 ค่าเฉลี่ยคดีที่ทั้งศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดเสร็จอยู่ที่ 9,963 คดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปี 2560 ที่ผ่านศาลสามารถพิจารณาคดีได้เสร็จสูงขึ้นถึง 449 คดี และยังจะเห็นได้ว่า ผลจากการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานของการทำงานและความร่วมมือจากบุคลากรทุกฝ่ายของศาลปกครอง ทำให้ ปี 2560 เป็นปีที่ศาลปกครองชั้นต้นสามารถตัดสินคดีเสร็จได้มากกว่า 60 % นอกจากนี้ในส่วนของศาลปกครองสูงสุดก็นับเป็นที่มีคดีรับเข้ามากที่สุดตั้งแต่เปิดทำการด้วย คือ 4,776 คดี
ประธานศาลปกครองสูงสุด ยังจำแนกปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาลปกครอง นับแต่ปี 2544 ที่ก่อตั้งศาล จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.60 ด้วยว่า ทั้งศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น มีคดีรับเข้าทั้งสิ้น 137,778 คดี โดยพิจารณาเสร็จ 115,574 คดี คิดเป็น 83.88 % ซึ่งจำนวนดังกล่าว แยกเป็นรับและพิจารณาเสร็จในศาลปกครองชั้นต้น 86,906 คดี ส่วนในศาลปกครองสูงสุดเสร็จ 28,668 คดี
ส่วนคดีค้างพิจารณานานที่สุด คือ คดีฟ้องปี 2552 ที่เหลือเพียงคดีเดียวเป็นคดีที่ชาวบ้าน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ฟ้องเทศบาลทุ่งสง เรื่องการใช้สถานที่กำจัดขยะโดยไม่ชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลปกครองนครศรีธรรมราช
นายปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในปี 2560 ศาลปกครอง ยังได้แก้ไข พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่9) 2560 และปรับปรุงระเบียบข้อกฎหมายเพื่อเพิ่มความต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการรวมถึงกฎหมาย หลักเกณฑ์ต่างๆให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญใหม่ด้วย พร้อมทั้งจัดทำหนังสือเสียงระบบเดซี่ ที่ประกอบไปด้วยเสียงและตัวหนังสือเต็มรูปแบบเพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงส่วนต่างๆ ของหนังสือ และยังมีหนังสือเสียงระบบบาร์โค้ดสองมิติเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับศาลปกครองแก่ผู้บกพร่องทางการมองเห็นอีกด้วย
" ในปี 2561นี้ ศาลปกครองจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม จะสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพของประชาชนกับประโยชน์สาธาณระให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฯ ม.257 และ 258 เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานในการบริหารราชการแผ่นดิน มีการกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาคดีและบังคับคดีให้มีประสิทธิภาพ
ให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นทางเลือกในการระงับข้อพิพาทในคดีปกติ มุ่งนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการพิจารณาคดีเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการตัดสินมุ่งไปสู่การเป็นศาลอัจฉริยะ และเตรียมเปิดศาลภูมิภาคเพิ่ม ที่ จ.สุพรรณบุรี พร้อมเร่งรัดก่อสร้างศาลปกครองภูเก็ต และยะลา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงและการอำนวยความยุติธรรมเป็นไปโดยสะดวกรวดเร็วขึ้น" ประธานศาลปกครองสูง กล่าวย้ำเป้าหมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง