ข่าว

อาจารย์ ม.มหาสารคาม ยันไมได้ทุบ นศ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาจารย์ ม.มหาสารคาม ยันไมได้ทุบ น้องแบบ-ปณิตา ด้านหัวหน้าภาคคู่กรณีน้องแบม แจ้งตำรวจเอาผิดผู้ใช้เฟซบุ๊ก

 

               จากกรณีที่ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ออกมาเปิดโปงหลังไปฝึกงานที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดขอนแก่น แล้วพบการทุจริตนำเอาชื่อคนจนและผู้ป่วยเอดส์มาปลอมแปลงเอกสารและเบิกเงินช่วยเหลือรายละ 3,000 บาท จำนวนกว่า 2,000 คน รวมเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาทตามที่ได้มีการเสนอข่าวมาตามลำดับ จนน.ส.ปณิดา ยศปัญญา ได้รับการยกย่องจากหลายหน่วยงานให้เป็นคนดี คนกล้าหาญ และมอบรางวัลพร้อมเกียรติบัตรให้อย่างมากมายนั้น

               ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกำหนดการที่ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้จัดงานเชิดชูเกียรติพร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา ที่ทำความดี ด้วยการเปิดโปงทุจริตเงินคนจน พร้อมกำหนดมอบช่อดอกไม้ให้กับเพื่อนอีก 3 คนที่ไปฝึกงานในที่เดียวกัน โดยใช้ห้องประชุมแม่น้ำของ (เขียนแม่น้ำของ) โดยประชาสัมพันธ์ให้นิสิตในชั้นปี 1-3 ที่เป็นรุ่นน้องของ น.ส.ปณิดา มาเข้าร่วมพิธีเพื่อแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ แต่ปรากฎว่าหลังเริ่มพิธีในเวลา 12.00 น. จนถึงเวลา 13.00 น. ไร้เงา น.ส.ปณิดา ยศปัญญา พร้อมเพื่อนอีก 3 คน มีเพียง นิสิตรุนน้องที่มาร่วมพิธีประมาณ 50 คน เท่านั้น (ไร้เงา'แบม ปณิดา'รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ)

               หลังจากนั้น ทางคณะได้เชิญให้ รศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ ตัวแทนคณาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ่านแถลงการณ์จากคณะ โดยมีเนื้อความระบุว่า 1.ประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่น อาจารย์ภาควิชาขอสนับสนุนการออกมาเปิดเผยการทุจริตคอร์รัปชั่น ได้เห็นว่าการกระทำของนิสิตไม่เพียงแต่แสดงออกถึงคามกล้าหาญแต่แสดงออกถึงการมีคุณธรรมและจริยธรรมจึงขอยกย่องเชิดชูเกียรติอย่างยิ่ง 2.ความขัดแย้งระหว่างอาจารย์กับนิสิตที่เป็นคนออกมาเปิดโปงครั้งนี้ ขอให้มีการตรวจสอบจากทางมหาวิทยาลัย ด้วยกระบวนการโปร่งใส ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ 3.การเรียนการสอนวิชาภาคนิพนธ์ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปี 2560 โดยภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยามีกระบวนการและกลไกในการประเมินตามมาตรฐานหลักสูตรของมหาวิทยาลัย ที่มีหลักประกันความยุติธรรมให้กับนิสิตทุกคน แต่หากนิสิตที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อยากจะเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาใหม่ก็ยินดีที่จะให้เลือก

               จากนั้นไม่ได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรและทุนการศึกษาแต่อย่างใด โดยพิธีกรแจ้งว่าจะส่งเกียรติบัตร พร้อมช่อดอกไม้ไปให้นิสิตทั้ง 4 คนถึงบ้าน ก่อนคณาจารย์จะเชิญสื่อมวลชนที่รอมาทำข่าว เข้าไปยังห้องแถลงข่าวห้องอินทนิลชั้นล่าง เพื่อเปิดโอกาสให้กับสื่อมวลชนในการซักถามปัญหาต่างๆ โดยมีคณาจารย์กว่า 10 คน ของภาควิชานั่งอยู่ในห้องเพื่อตอบคำถามด้วย รวมทั้ง ผศ.ดร.กนกพร รัตนธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เข้านั่งในห้องแถลงข่าวด้วย

               คำถามแรกที่สื่อมวลชนถาม คณาจารย์ในห้องคือ .น.ส.ปณิดา ยศปัญญา จะเรียนจบพร้อมเพื่อนหรือไม่ เรื่องนี้ น.ส.วชิราภรณ์ วรรณโชติ อาจารย์ที่ปรึกษา น.ส.ปณิดา กล่าวว่า ด้านการเรียนยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะวันที่ 3 มีนาคม 2561 ได้มีการมารายงานการก้าวหน้า ซึ่งรายงานของ น.ส.ปณิดา ทำได้ดีมาก รวมถึงงานของเพื่อนนิสิตอีก 3 คนด้วย ตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บข้อมูล อาจจะต้องลงพื้นที่เปลี่ยนหัวข้อใหม่เพื่อความปลอดภัยในการวิจัย

               จากนั้นนางสายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ถูก น.ส.ปณิดา กล่าวว่า เป็นคนทำร้ายและสั่งให้กราบ ได้เป็นคนตอบคำถามว่า สำหรับ น.ส.ปณิดาและเพื่อนอีก 3 คน กรณีเปิดโปงการทุจริตที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่นนั้น คณะคณาจารย์ได้มีการให้เปลี่ยนวิจัยในภาคเรียนที่ 2/2560 เปลี่ยนมาเป็นหัวข้อเกี่ยวกับเทศบาลเมืองมหาสารคาม ฉะนั้นเปลี่ยนพื้นที่ใหม่ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวข้อวิจัยใหม่ ซึ่งทางคณาจารย์ที่ดูแลก็ได้มีการยืดหยุ่นเวลาในการส่งงานช้ากว่าเพื่อน ไม่ต้องมีภาระหรือใช้เวลาเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในหัวข้อวิจัยเดิมที่ฝึกงานเดิมศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เด็กยังไม่ได้ลงข้อมูลอะไรมาก เพียงแต่แค่นำเสนอชื่อเรื่อง ค้นคว้าเอกสารเบื้องต้นเท่านั้น

               “ความเป็นจริงแล้วนิสิตฝึกงานที่อื่นก็มีหลายคนที่เมื่อมาเรียนวิชาพัฒนาชุมชน มีหลายคนที่ได้เปลี่ยนหัวข้อวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แล้ววิชาเทอมที่แล้วที่ได้ไปฝึกที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง นิสิตก็สำเร็จการเรียนแล้ว ก็ได้เกรดครบทั้ง 4 คนแล้ว เกรด A 3 คน เกรด B+ 1 คน และในเทอมนี้นอกเหนือวิชาพัฒนาชุมชน ก็มีอีกวิชาคือวิชาสัมมนาปัญหาการพัฒนาชุมชน ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งดูแลรับผิดชอบอยู่ เพื่อที่จะได้ออกแบบการเรียนการสอน เพื่อให้นิสิตจะได้สะดวกที่จะนำเอางานวิจัยที่จะมาสัมมนา ไม่ได้มีการมาเลคเชอร์ที่มหาวิทยาลัยทุกวัน ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในต้นเดือนพฤษภาคม เป็นอย่างช้าและจะสำเร็จการศึกษาในเดือนพฤศจิกายน”นางสายไหม กล่าว

               ส่วนกรณีการกล่าวหาว่าอาจารย์ทุบหลัง น.ส.ปณิดา นั้น นางสายไหม กล่าว่วา เรื่องนี้อยากจะบอกว่า ส่วนตัวตัวเองสนิทกับ น.ส.ปณิดา มาก เรียกได้ว่าลูกศิษย์สนมกับอาจารย์ อาจารย์รู้จักเขาดีพอสมควร และเป็นคนสัมภาษณ์รับเขาเข้ามาเรียนและได้ช่วยเหลือในการเรียนและกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน เคยไปส่งที่บ้าน สอนขับรถ ไปเที่ยวด้วยกัน

               “รู้สึกเสียใจที่เด็กที่เราสนิทเข้าใจเจตนาของเราผิดไปได้ขนาดนี้ ซึ่งเรื่องที่เกี่ยวกับการทุบหลังนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 อยู่ที่ห้องพักอาจารย์ เอาเก้าอี้มานั่งคุยกันและมีอาจารย์ท่านอื่นนั่งอยู่ในนั้นด้วย พร้อมเพื่อนๆ เขาอีก 3 คน ไม่ได้เป็นการสอบสวนอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดคุยกันธรรมดาเท่านั้น”นางสายไหม กล่าว

               นอกจากนั้นยังมีคำถาม กรณี นางสายไหม บังคับให้ น.ส.ปณิดา ก้มกราบคนทำผิด เรื่องนี้ นางสายไหม กล่าวว่า ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเขาเป็นคนโกง คนทุจริตอะไรหรือไม่ เพราะเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่ได้ไปตรวจสอบเอกสารว่าผิดหรือไม่ผิด และไม่ได้ไปไกล่เกลี่ยว่าให้นิสิตไปขอโทษ และพอบอกให้ขอโทษก็มีนิสิตไปกราบที่อก ไปกราบที่ตัก และมีการโอบกอดกันกับเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่เป็นอาจารย์ภาคสนาม และร้องไห้เพราะตื้นตันใจ ส่วน น.ส.ปณิดา ตนไม่แน่ใจว่าเขาทำอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเขาจะกราบที่เท้า จะกราบที่อก หรือทำอย่างไรเพราะจำไม่ได้ แต่นิสิตอีก 3 คน ไปกราบที่ตัก กราบที่อก เพราะตอนนั้นอาจารย์ภาคสนามนั่งอยู่บนเก้าอี้ และแขนข้างหนึ่งใส่เผือกอยู่ อาจารย์ไม่ได้บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด

               “หลังจากนั้นอาจารย์ภาคสนามกับนิสิตก็ได้ปรึกษาหารือกัน เตรียมหัวข้อวิจัย และจะทำวิจัยสำหรับเทอม 2 จากนั้นก็ออกจากห้องที่คุยกันแล้วเขาก็พาไปดูบ้านพักชั่วคราวของคนไร้ที่พึ่ง นิสิตก็พาไปเยี่ยมชม ไปดูบรรยากาศของศูนย์ฯ ปกติ จากนั้นอาจารย์ก็ลากลับมา หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อสอบถามนิสิต แต่เด็กไม่ได้แจ้งว่ามีปัญหาอะไร และเด็กฝึกงานต่อจนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ก็ไม่ได้รับแจ้งว่ามีปัญหาอะไรแต่อย่างใด ทุกอย่างก็ปกติดี จนกระทั่งออกจากพื้นที่ฝึกงาน เด็กมาทำเอกสารค้นคว้าฝึกงานและสอบจบตามระบบมหาวิทยาลัย ไม่ได้ส่งเกรดช้าแต่อย่างใด”นางสายไหม กล่าว

               นอกจากนั้นยังมีคำถามจากสื่อมวลชนว่า การออกมามอบรางวัลหรือชื่นชมยินดีกับ น.ส.ปณิดา และเพื่อนครั้งนี้ถือว่าล่าช้ากว่าที่อื่น เรื่องนี้ ผศ.ดร.กนกพร รัตนธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองท่านหนึ่งของนิสิตเราจะต้องออกมาชี้แจงโต้แย้งปัญหาก็ต้องคิดมากสักหน่อย ก่อนจะออกมาในฐานะครูบาอาจารย์ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะออกมาบอกว่าเป็นผู้ขัดแย้งกับนิสิต และเราไม่ได้มองว่านิสิตเป็นผู้ขัดแย้งกับเรา กลับมองว่าเราจะดูแลนิสิตอย่างไรต่อไป ที่พึงกระทำ ก็ยืนยันว่าไม่ได้ละเลยเรื่องนี้ เรื่องการตรวจสอบเป็นหน้าที่จัดการของ ปปช. มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้

               หลังจากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นางสายไหม ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ฉลอง เลพล ที่ สภ.เขวาใหญ่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม เพื่อเอาผิดกับเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Tee Thepna และ Bongkoch Chomsiri รวมถึงเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โดยเพจและเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและก่อความรำคาญให้กับอาจารย์รวมถึงคณาจารย์ภายในภาควิชา ทั้งโทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะกรีดรถยนต์ของอาจารย์ทุกคันในคณะ และส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊กของเพื่อนอาจารย์ มาด่าและขุ่มขู่ ซึ่งเกิดจากการที่เขาอ่านข่าวออนไลน์ และเข้าใจว่าอาจารย์ทำร้ายร่างกาย กลั่นแกล้ง น.ส.ปณิดา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ