ข่าว

คุก 2 ปี ม.ล.อุบลวดี ฉ้อโกงเงินคอนเสิร์ตการกุศล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลแขวงปทุมวัน พิพากษาออแกไนซ์ ชนะคคดี ฟ้องผู้ควบคุมจัดคอนเสิร์ตทันตแพทย์ฯ มหิดลฉ้อโกง เจ้าตัวยื่นประกัน 2.4 แสน สู้อุทธรณ์ หลังเจอโทษคุกไม่รอลงอาญา


          เมื่อวันที่ 5 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลแขวงปทุมวัน ถ.พระราม 4 ได้มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ม.ล.อุบลวดี เลิศอร่ามรัตน์ ผู้ควบคุมการผลิตคอนเสิร์ตการกุศลสร้างรอยยิ้มเพื่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาสปี 2559 ในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
          โดยคดีดังกล่าว "บริษัท มาสเตอร์พีช ออร์กาไนเซอร์ จำกัด" เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ม.ล.อุบลวดี เลิศอร่ามรัตน์ หรือชยางกูร ผู้รับจ้างแบบรับเหมาจากสมาคมศิษย์เก่าทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล , นางอัญชลี หรือหน่อง คณฑีวงษ์ เจ้าหน้าที่ของสมาคมศิษย์เก่า ดูแลงานประชาสัมพันธ์ และ นายอนุชิต ธีระสมานนท์ ผู้รับจ้างจัดงานคอนเสิร์ต เป็นจำเลยที่ 1-3 คดีหมายเลขดำที่ อ.630/2559 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 
          ซึ่งฟ้องโจทก์ ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเดือน ก.พ. – 1 พ.ค. 59 จำเลยทั้งสาม ขอให้โจทก์ช่วยดูแลจัดงานคอนเสิร์ต ชื่อว่า"สร้างรอยยิ้มเพื่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาส ซึ่งคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยมูลนิธิคณะทันตแพทย์ศาสตร์และสมาคมศิษย์เก่าทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" 
          โดยทั้งสาม หลอกลวงว่าไม่มีงบประมาณในการจัดงานเป็นงานการกุศล โจทก์หลงเชื่อและออกเงินจำนวน 700,315 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วการจัดงานดังกล่าว ผู้จัดงานมีงบประมาณค่าใช้จ่ายซึ่งจำเลยทั้งสามรับเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวง- เขตปทุมวัน กทม. ในการพิจารณาคดีจำเลยทั้งสาม ให้การปฏิเสธ 
          ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว เห็นว่า การนำสืบของโจทก์ มี นายประดิษฐ์ สมดังเจตน์ กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท และพยานอื่นๆ เบิกความสอดคล้องต้องกัน ตั้งแต่ได้พบกับจำเลยทั้งสามและได้ติดต่อกับจำเลยที่ 1-2 มาตลอด เมื่อทราบว่าการจัดงานมีงบประมาณจึงโกรธและต่อว่าจำเลยที่ 1 จนกระทั่งฟ้องร้องเป็นคดีซึ่งก็สอดคล้องกับคำเบิกความกับพยานปากอื่น จึงไม่เป็นข้อพิรุธ น่าเชื่อว่าเบิกความไปตามความจริง
          และจากทางนำสืบ ยังชี้ให้เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ได้ทราบจำนวนงบประมาณการจัดงานมาโดยตลอด แต่กลับมานำสืบในชั้นพิจารณาบ่ายเบี่ยงว่าตนมีอำนาจในการบริหารงบประมาณการจัดงานและไม่จำเป็นต้องบอกงบประมาณทั้งหมดให้นายประดิษฐ์ทราบ ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างลอยๆและรับฟังไม่ได้
          ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้บอกนายประดิษฐ์ ว่าการจัดงานมีงบประมาณ และยังมีพฤติการณ์ที่แจ้งค่าจ้างสูงเกินกว่าความเป็นจริง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาทุจริต มุ่งหาประโยชน์จากเงินงบประมาณการจัดงาน ซึ่งจำเลยที่ 1 ควรต้องจ่ายแก่โจทก์ แต่เมื่อโจทก์หลงเชื่อได้ออกค่าใช้จ่ายการจัดงานตามคำหลอกลวง จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง พิพากษาให้จำคุก 2 ปี 
          ส่วนจำเลยที่ 2 แม้ทางนำสืบฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ทราบดีแต่ต้นว่าสมาคมมีงบประมาณจัดเตรียมไว้ แต่ก็ไม่มีอำนาจการตัดสินใจด้านการจัดจ้างหรือทำข้อตกลง จำเลยที่ 2 จึงอาจไม่ต้องเปิดเผยงบประมาณให้โจทก์ทราบ อีกทั้งทางนำสืบของโจทก์ยังฟังไม่แน่ชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 เพื่อปิดบังงบประมาณไม่ให้โจทก์รู้เพื่อจำเลยที่ 1 จะนำผลประโยชน์ดังกล่าวไปเป็นของตนเสียเอง พยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนนี้จึงยังน่าสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดหรือไม่ 
          เช่นเดียวกับจำเลยที่ 3 ที่ว่ามีการพบกันเมื่อร่วมประชุมกันในวันแถลงข่าวและวันงานคอนเสิร์ตเท่านั้น โดยมีการแนะนำว่าจำเลยที่ 3 เพียงเข้ามาดูแลเรื่องแสง สี และเสียง อาจไม่ทราบแต่แรกถึงที่มาที่ไปของการจัดสรรงบประมาณก็เป็นได้ พยานหลักฐานยังมีความน่าสงสัยตามสมควร ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2-3 พิพากษาให้ยกฟ้องนางอัญชลี หรือหน่อง คณฑีวงษ์ เจ้าหน้าที่ของสมาคมศิษย์เก่า ดูแลงานประชาสัมพันธ์ และ นายอนุชิต ธีระสมานนท์ ผู้รับจ้างจัดงานคอนเสิร์ต จำเลยที่ 2-3 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลแขวงปทุมวัน มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา 
ม.ล.อุบลวดี เลิศอร่ามรัตน์ ผู้ควบคุมการผลิตคอนเสิร์ตการกุศล แล้ว เจ้าตัวก็ได้ยื่นเงินสด 2.4 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลก็ให้ประกันตัวไป
          สำหรับข้อพิพาทดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี 2560 สมาคมศิษย์เก่าทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท มาสเตอร์พีซ ออร์กาไนเซอร์ จำกัด ได้ร่วมกันเเถลงข่าวการยื่นฟ้องจำเลยทั้งสาม คดีฉ้อโกงเงินจัดคอนเสิร์ตการกุศลฯ ดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 พยายามเบิกเงินค่าจัดคอนเสิร์ตเต็มจำนวน วงเงิน 3.5 ล้านบาท ทั้งที่ค่าใช้จ่ายจริงไม่ถึง ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าว มีศิลปินมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
          โดยต่อมามีรายงานว่า ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันทำให้สมาคมศิษย์เก่าฯ ถอนฟ้องคดีไป คงเหลือเเต่ บริษัท มาสเตอร์พีซฯ ที่ได้ยื่นฟ้องคดีจนมีคำพิพากษาคดี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ