ผู้ว่าฯ ขอกรมศิลปากรคุยกับชาวบ้านพิมายหาทางออกร่วมกัน

 

               4 มี.ค. 61  ที่ อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา  ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาซื้อบัตรเข้าชมปราสาทหินพิมายอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการปิดป้ายไวนิลคัดค้านการประกาศขึ้นทะเบียนเขตโบราณสถานเมืองพิมายอยู่ทั่วทั้งเมือง นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้รู้สึกวิตกอะไร ทั้งนี้ จากการสอบถามนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาจากจังหวัดนนทบุรี บอกว่า ประสาทหินพิมายถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีความสวยงาม และหาชมได้ยากมาก อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้น เมื่อได้มีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา จึงไม่พลาดที่จะแวะมาเที่ยวชมปราสาทหินพิมายด้วย แต่เมื่อมาถึงหลายคนก็รู้สึกแปลกใจที่มีการขึ้นป้ายคัดค้านการประกาศเขตพื้นที่โบราณสถานอยู่ทั่วเมืองพิมาย จึงได้สอบถามชาวบ้านดู ก็ทราบว่าทางกรมศิลปากรกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะประกาศให้เขตตัวเมืองพิมายกว่า 2,600 ไร่ เป็นเขตโบราณสถานเมืองพิมาย ซึ่งกลุ่มของตนเองก็เห็นด้วย เพราะจะทำให้กรมศิลปากรสามารถเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์เมืองโบราณแห่งนี้ให้มีความสง่างามขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชม และศึกษาถึงอารยธรรมขอมโบราณ ที่เคยรุ่งเรืองในดินแดนแห่งนี้เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว

               ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านคัดค้านนั้น ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านอาจจะยังไม่เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของกรมศิลปากร ซึ่งกรมศิลปากรเองก็ต้องหาวิธีชี้แจงให้ชาวบ้านทราบด้วยว่าจะมีผลดีผลเสียอะไรบ้าง แล้วหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธีจะดีกว่า เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เมืองพิมายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของโลกต่อไปในอนาคต

               นางยี่สุ่น สิงห์พิมาย อายุ 81 ปี กล่าวว่า เกิดและเติบโตที่พิมาย จึงมีความรัก ความหวงแหนปราสาทหินพิมายมาก เพราะถือว่าเป็นโบราณสถานที่อยู่คู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ อีกทั้งยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนารถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จมาเยือนเมื่อปี 2498 ด้วย ดังนั้น ถ้าไม่มีปราสาทหินพิมายแห่งนี้ เมืองพิมายซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ห่างไกลความเจริญ จะไม่มีใครรู้จักเลย เมื่อทราบข่าวว่าทางกรมศิลปากรจะประกาศเขตตัวเมืองพิมายให้เป็นเขตโบราณสถานเมืองพิมาย จึงไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลอะไร และยังเชื่อมั่นว่าทางราชการจะไม่ไล่ชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้มานานหลายชั่วอายุคนออกไปไหนแน่ จึงไม่ได้ไปร่วมลงชื่อคัดค้านแต่อย่างใด

               นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เรื่องความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวบ้าน เกี่ยวกับการประกาศเขตโบราณสถานเมืองพิมายนั้น เกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งทางจังหวัดก็ได้รับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านที่รู้สึกวิตกกังวลใจ และได้ส่งรายงานให้ทางหน่วยเหนือได้ทราบมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งได้มีชาวบ้านกลุ่มใหญ่ ประมาณ 300 คน ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างจริงจัง จนมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อส่งไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อคัดค้านไม่ให้กรมศิลปากรออกประกาศเขตโบราณสถานเมืองพิมายมาบังคับใช้ ซึ่งเรื่องของการประกาศเขตโบราณสถานเมืองพิมาย เป็นส่วนของกรมศิลปากร ที่ทางจังหวัดจะไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเป็นคนละส่วนกัน แต่ได้สั่งการให้นายอำเภอพิมายจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อให้การชุมนุมคัดค้านของประชาชนเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย พร้อมกับรายงานให้ตนทราบเป็นระยะ

               ขณะเดียวกันเรื่องการปิดป้ายคัดค้านไปทั่วบริเวณเมืองนั้น ตนก็เตรียมที่จะให้นายอำเภอพิมายเข้าไปตรวจสอบและพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ และควรจะให้ปลดออกได้หรือไม่ เพราะอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวมองเห็น และเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อเมืองพิมายได้ ทั้งนี้ ตนเองก็ทราบดีว่าบริเวณโดยรอบปราสาทหินพิมายดังกล่าว เป็นผังเมืองโบราณที่ทางกรมศิลปากรสามารถจะประกาศเขตโบราณสถานได้ทั้งเมืองอย่างชอบธรรม แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากพื้นที่โดยรอบตัวปราสาทหินพิมายนั้น มีชาวบ้านไปตั้งรกรากอยู่อาศัยมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว การที่จะไปประกาศเขตโบราณสถานทับพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านทันที โดยที่ไม่สนใจฟังเสียงร้องเรียนของชาวบ้านเลยนั้น ก็เกรงว่าจะสร้างความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรกับชาวบ้านในพื้นที่รุนแรงมากขึ้น จึงอยากให้ทางกรมศิลปากรเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างอะลุ่มอล่วย ไม่ส่งผลกระทบทั้งกับโบราณสถานและวิถีชีวิตชาวบ้าน น่าจะดีที่สุด