"นิพิฐ" ร้อง "ป.ป.ช."เปลี่ยนตัว"สุภา"

          21 ก.พ.61-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ในฐานะผอ.โครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์ม ในโครงการจัดหาที่ดินเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซียของบริษัท พีทีที.กรีน เอเนอร์ยี่ (PTT.GE) ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่าน นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอคัดค้านและขอเปลี่ยนตัว น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงโทษผู้กระทำผิดต่อกรรมการ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ไปเกี่ยวข้องกับนางรสยา เธียรวรรณ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที กรีน เอเนอยี่ จำกัด (PTT.GE) ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และมอบสินบนให้แก่พยานปากสำคัญ รวมถึงสอบพยานที่ประเทศอินโดนีเซียบิดเบือนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และขอให้เปิดเผยการผลการสอบสวน กรณีเรื่องถุงสินบน และการสอบพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ประเทศอินโดนีเซีย 21 ประเด็น ตามหนังสือที่ ปช.0019/2365 ลงวันที่ 8 ธ.ค.2560 ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540  

               นายนิพิฐ กล่าวว่า ตนเดินทางมายื่นหนังสือเป็นครั้งที่ 16 แล้ว และอยากให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.สุภา เนื่องจากเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมขัดจริยธรรมในหลายๆ เรื่องก็เลยจะขอเปลี่ยนตัวกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน เพราะคิดว่าเป็นการไปช่วยคนอื่นให้มาทำร้ายตน  จึงนำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมในส่วนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนรู้เห็น และเชื่อมโยงกันอย่างไร โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นบทสนทนาระหว่าง นายบูลฮัน นุดดิน กับ นางแนนซี่ มาร์ตาสุตา ผ่านทางโปรแกรมสนทนา WhatsApp และบันทึกรายงานการประชุม ระหว่าง บูลฮัน กับ นางแนนซี่ ในวันที่ 15 พ.ค. 2556,17มิ.ย.2556, 15มิ.ย.2559 และ 20 มิ.ย. 2559  ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่า นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กับพวก ร่วมกันเป็นกระบวนการเพื่อสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อกลั่นแกล้งใส่ร้ายตน และบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายไพรินทร์ กับพวก

           "ผมเห็นว่ามีพิรุธที่น่าสงสัย และมีความชัดเจนว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิด เพราะข้อมูลที่นำมาให้ในครั้งนี้สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้อย่างละเอียด ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีการคืบหน้าจากทาง ป.ป.ช.เลย  ไม่มีการเรียกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก จึงทำให้ผมสงสัยว่าผมจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่" นายนิพิฐ กล่าว  

           นายนิพิฐ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีผลการสอบสวนดังกล่าวว่าเหตุใดถึงไม่ตรงกับความเป็นจริง และขอให้ ป.ป.ช. แจ้งตนมาเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ยื่นหนังสือ หากเพิกเฉยถือว่า ป.ป.ช. ช่วยเหลือ นางสาวสุภา เพื่อไม่ให้ได้รับโทษ ทั้งนี้หาก ป.ป.ช. ไม่ดำเนินการตนจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อประธานศาลฎีกาผ่านประธานรัฐสภาเพื่อถอดถอนและดำเนินคดีอาญาต่อไป.