ข่าว

ลุ้น!! อ่านฎีการอบ 4 คดี "พันธมิตรฯ" บุกเอ็นบีที

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลุ้น!! อ่านฎีการอบ 4 คดี พธม.บุกเอ็นบีทีหลังนัดสาม ธ.ค.60 ยังมีจำเลยไม่ได้หมายศาล ขาดนัดอีกคน ขณะที่นัดอ่านรอบ 4 ศาลกำชับจำเลย 82 คน มาให้ครบ


           21 ก.พ.61-เวลา 09.00 น. ศาลอาญา  ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 4 คดีชุมนุมบุกล้อมสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อปี 2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธเนศร์ คำชุม กับพวกซึ่งเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) , รวม 85 คน เป็นจำเลยที่ 1-85 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่หคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถาน หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210, 215, 309, 358, 364, 365, 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ,พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535 ซึ่งอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 พ.ย.51 
          โดยพฤติการณ์คดี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22-25 ส.ค.51 จำเลยทั้ง 82 คนกับอีก 3 คนซึ่งเป็นเยาวชน ร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานี NBT พร้อมพกอาวุธจำนวนมาก จากนั้นจำเลยได้ร่วมกันทำลายทรัพย์สินรวมค่าเสียหายทั้งสิ้นกว่า 6 แสนบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของทางราชการ โดยจำเลยที่ 1 มีเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่จำเลยที่ 39 , 80 มีใบกระท่อม ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 รวมจำนวน 18 ใบไว้ในครอบครองจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
          ซึ่งระหว่างพิจารณา "นายมานิต อรรถรัฐ" จำเลยที่ 42 หลบหนีคดี ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารระบบความชั่วคราวจนกว่าจะได้ตัวมา ทำให้ปัจจุบันคงมีจำเลย 84 รายที่ต้องฟังผลคำพิพากษาฎีกา
          ขณะที่การนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกานั้น เคยถูกเลื่อนนัดมาแล้วถึง 3 ครั้งจากวันที่ 25 ส.ค. , วันที่ 12 ต.ค. และ วันที่ 22 ธ.ค.60 ที่ผ่านมา เนื่องจากนายประเสริฐ ด้วงทิพย์ จำเลยที่ 37 มีอาการป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ และนายวันชัย รักษายศ จำเลยที่ 78 ที่ศาลยังไม่สามารถส่งหมายนัดแจ้งให้จำเลยทราบได้เพราะมีปัญหาเรื่องการแจ้งที่อยู่ปัจจุบัน โดยศาลต้องใช้วิธีการปิดหมายไว้
          ดังนั้นในวันนี้ (21 ก.พ.) จึงต้องรอดูว่าจำเลยจะมาครบตามจำนวน 82 คนหรือไม่ หากไม่ครบก็มีแนวทางคือ ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย เนื่องจากที่ผ่านมาศาลได้ปฏิบัติตามขั้นตอนแล้วในการเลื่อนนัดแล้วออกหมายจับบางคนที่ขาดนัด ซึ่งศาลได้เลื่อนเวลาอ่านคำพิพากษามาแล้วหลายนัดเป็นเวลานับ 6 เดือนโดยแต่ละครั้งเลื่อนนัดในช่วงเวลานับ 60 วัน ขณะที่การเลื่อนนัดครั้งที่ 3 ล่าสุดนั้น ศาลได้กำชับจำเลยทุกคนมาให้ครบตามนัดด้วย ทั้งนี้ตามขั้นตอนหากศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยแล้ว ถ้าจำเลยมีโทษ ศาลก็จะได้ออกหมายจับให้นำตัวมารับโทษต่อไปโดยคำพิพากษาฎีกานี้ก็จะถือเป็นที่สุดแล้ว
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.57 พิพากษาแก้ ปรับบทลงโทษและอัตราโทษใหม่จากเดิมจำคุกจำเลย 84 คน ตั้งแต่ 9 เดือน - 1 ปี 18 เดือน  เป็นให้ให้จำคุกนายธเนศร์ คำชุม จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 เดือน ,นายเมธี อู่ทอง จำเลยที่ 24 จำคุก 8 เดือน ,จำเลยที่ 2-23, 25-29 , 31-41 , 43– 46 , 48 - 80 ,82 จำคุกคนละ 6 เดือนและเมื่อรวมโทษปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นายชนินทร์ อินทร์พรหม จำเลยที่ 2 ,นายจรัส วีระพันธ์ จำเลยที่ 39 กับนายธนพล แก้วเชิด ที่ 80 จึงเป็นจำคุกคนละ 6 เดือนและปรับ 500 บาท ส่วนนายอัมรินทร์ ยี่เฮง จำเลยที่ 48 ให้บวกโทษคดีอื่นกับคดีนี้จึงเป็นจำคุก 9 เดือน และนายประดิษฐ์ คงช่วย จำเลยที่ 70 ก็เช่นกันจึงจำคุกทั้งสิ้น 8 เดือน 
          สำหรับจำเลยที่ 30 ,47,81 จำคุกคนละ 4  เดือน และจำเลยที่ 83-85 จำคุกคนละ 3 เดือน ซึ่งขณะกระทำผิดทั้งหกเป็นเยาวชน จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ ส่วนความผิดฐานซ่องโจรนั้นให้ยกฟ้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ