ม็อบโรงไฟฟ้าเฮ ! รมว.พลังงานสั่งศึกษาโครงการใหม่

 

           20 ก.พ. 61ที่บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ประจำประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ร่วม 1 ชั่วโมงกว่า จากนั้นได้เชิญแกนนำ และตัวแทนจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กระทรวงพลังงาน ร่วมกันพูดคุยในรถตู้ ประมาณ 15 นาที ถึงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) โดยได้แถลงถึงข้อตกลงดังกล่าว และลงนามร่วมกันในเวลา 09.00 น.

          โดยนายศิริได้อ่านบันทึกข้อตกลงมีอยู่ 4 ประการ ประกอบด้วย 1.ให้กฟผ.ถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ออกจากสำนักงานนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันลงนาม 2.ให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA)เพื่อศึกษาว่าพื้นที่จังหวัดกระบี่และอำเภอเทพาจังหวัดสงขลามีความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ ให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 9 เดือน โดยต้องมีนักวิชาการที่เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย หากผลออกมาว่าพื้นที่ไม่เหมาะสมทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน กฟผ. จะต้องยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่ 3.หากผลรายงานออกมาว่าเหมาะสมต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในขั้นตอนการทำ EHIA จะต้องจัดทำโดยคนกลางที่ยอมรับร่วมกัน และ 4.ให้คดีระหว่างเครือข่ายผู้ชุมนุมกับกฟผ.เลิกแล้วต่อกัน 

          นายศิริ กล่าวอีกว่า การทำเอ็มโอยูครั้งนี้ถือเป็นโมเดลที่ดี ที่ภาครัฐประชาชนสามารถหาทางออกร่วมกันได้ หลังจากนี้จะรายงานให้นายกฯรับทราบต่อไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายหลังการแถลงบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมมีท่าทีที่ดีใจ และพอใจกับข้อตกลงดังกล่าว บางคนร้องไห้และกอดกัน และยิ้มแย้มให้กัน จากนั้นได้ถ่ายรูปร่วมกันที่หน้าตึกยูเอ็นประจำประเทศไทย เป็นที่ระลึก จากนั้นได้เก็บข้าวของเพื่อที่จะกลับภูมิลำเนาต่อไป

          นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน กล่าวว่า พอใจการทำเอ็มโอยูร่วมกับ รมว.พลังงาน ครั้งนี้ โดยหลังจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางกลับภูมิลำนำของตัวเอง ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็ต้องไปเตรียมข้อมูลสำหรับการทำรายงานประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป

          ขณะที่นายอามีน สะมาแอ เยาวชนในพื้นที่เทพา กล่าวว่า วันนี้รู้รู้สึกดีใจกับคำแถลงความร่วมมือบันทึกข้อตกลง แต่ว่าไม่ได้วางใจเต็มที่ว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเลิกจริงๆ แต่การถอยของทาง รมว.พลังงาน ครั้งนี้ก็ถือว่าเขาถอยไปอีกก้าว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการทำแผน SEA แทน ซึ่งตนเห็นว่าในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ควรสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านจะได้รับผลกระทบจากโครงการนี้อย่างแน่นอน ตนเชื่อว่าครั้งนี้ทางรัฐบาลคงไม่กล้าผิดคำสัญญาแน่นอน เพราะว่ามีสื่อมวลชนเป็นพยาน และมีลายเซ็น เป็นหลักฐานแล้ว

          นางกระเซอะ ลอและ ชาวบ้านในพื้นที่เทพา กล่าวว่า วันนี้ตนดีใจมาก ๆ ที่จะได้กลับบ้านแล้ว รู้สึกว่าการอดอาหารเพื่อต่อสู้ครั้งนี้มีความคุ้มค่า และหวังว่าภายหลังกระบวนการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ ผลออกมาทำให้ไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้า เราเชื่อว่าเขาจะมีสัจจะทำตามสัญญา และเราก็นับถือการตัดสินใจของเขา เพราะพื้นที่บ้านของตนเป็นพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งไม่เหมาะอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นมีแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์ ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

          นายอัยโยบ มุเซะ ชาวบ้านในพื้นที่เทพา กล่าวว่า การต่อสู้ที่เราพยายามทำมาตลอด 4 ปี และการอดอาหารของตนทั้ง 9 วันที่ผ่านมาถือว่าวันนี้คุ้มค่า และได้คำตอบดีที่สุด ดีใจที่ได้เห็นฝั่งรัฐบาลใส่ใจต่อข้อเรียกร้องของเรา ทำให้พี่น้องประชาชนมีที่อยู่ทำกินต่อไป ไม่ต้องย้ายออกจากพื้นที่แล้ว ตนเห็นว่ายังไงพื้นที่เทพาก็ไม่เหมาะกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างแน่นอน เพราะเป็นพื้นที่ติดทะเล มีลมพัดขึ้นฝั่งตลอด ทำให้ชาวบ้าน และทรัพยากรธรรมชาติได้รับผลกกระทบอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีภูเขาล้อมรอบ ทำให้ฝุ่นที่เกิดจากโรงไฟฟ้าไม่กระจายไปที่อื่น ตนเชื่อว่าทางฝั่งผู้มีอำนาจจะยอมทำตามข้อตกลงที่ได้เซ็นกันไว้ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าไม่ทำตามก็คงจะยาก เพราะสื่อที่มาเป็นพยานก็เยอะมาก