ข่าว

"พ่ออุ้มบุญญี่ปุ่น"เฮ! ชนะคดี ได้ลูก 13 คน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลเยาวชนฯให้พ่ออุ้มบุญนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นชนะคดีได้ลูก 13 คน เหตุศาลฯมองถึงความผาสุข สวัสดิภาพ โอกาสของเด็ก รวมทั้งความผูกพันทางสายเลือด

          เวลา 09.00 น.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้อ่านคำสั่งในคดีอุ้มบุญบิดาชาวญี่ปุ่น ในคดีหมายเลข พ.2031–2037/2559 และ พ.217 - 218/2559 รวม 9 สำนวน ที่นายมิตสึโตกิ ชิเกตะ ชาวญี่ปุ่น ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์ทั้ง 13 คน ซึ่งเกิดจากการตั้งครรภ์แทนโดยมารดาชาวไทย เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 56 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 
          โดยทั้ง 9  สำนวนศาลได้มีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน
          ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องประกอบรายงานของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร แล้ว เห็นว่า พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยี ช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 56 บัญญัติให้ผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ สามีหรือภริยาที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของสามีและภริยาที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน ไม่ว่าสามีและภริยาดังกล่าวจะเป็นสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
          ซึ่งเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว เป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพและประโยชน์สูงสุดของผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นสำคัญ 
           ขณะที่คดีนี้ ได้ความว่า ผู้ร้องไม่มีภริยา แต่เป็นผู้ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนตั้งแต่ปี 2556 โดยใช้เชื้ออสุจิของผู้ร้องปฏิสนธิกับไข่ของผู้บริจาคแล้วนำไปใส่ในโพรงมดลูกของหญิงไทยผู้รับตั้งครรภ์แทนจำนวนเก้าคน จนคลอดผู้เยาว์รวม 13 คนเมื่อปี 2557 อันเป็นเวลาก่อนวันที่พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีผลใช้บังคับในวันที่ 30 ก.ค.58 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้เยาว์ ทั้ง 13 คนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องได้ 
            และเมื่อพิจารณาประกอบกับรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นบิดาโดยสายโลหิตของผู้เยาว์ทั้ง 13 คน และหลังจากผู้เยาว์เกิด ผู้ร้องก็รับอุปการะเลี้ยงดูด้วยดีตลอดมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำตัวผู้เยาว์ทั้ง 13 คนไปเลี้ยงดูที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ดและสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ ซึ่งผู้ร้องก็มอบหมายให้บุคคลอื่นไปเยี่ยมเยียนผู้เยาว์เหล่านั้นเป็นประจำ

            ผู้ร้องวางแผนเตรียมความพร้อมในการพาบุตรผู้เยาว์ไปอุปการะเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเตรียมสถานที่เลี้ยงดูที่มีความปลอดภัยและสะดวก มีพยาบาลวิชาชีพและพี่เลี้ยงเด็กเพียงพอ เมื่อถึงเกณฑ์ที่ผู้เยาว์จะเข้ารับการศึกษา ผู้ร้องวางแผนจะส่งเข้าศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติใกล้ที่พักอาศัย โดยผู้ร้องและครอบครัวซื้อที่ดินและกำลังก่อสร้างที่พักอาศัยใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

            นอกจากนี้ ผู้ร้องเปิดบัญชีกองทุนให้แก่ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อสะสมให้ผู้เยาว์ในระยะยาวอีกด้วย และผู้ร้องก็ยังได้นำบุตรผู้เยาว์อื่นซึ่งเกิดจากการตั้งครรภ์แทนก่อนหน้านี้ไปเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศกัมพูชาแล้วซึ่งปรากฏว่าบุตรผู้เยาว์ดังกล่าวได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบุตรผู้เยาว์ที่นำไปเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับสัญชาติญี่ปุ่นครบถ้วนทุกคนแล้ว

           โดยผู้ร้องเป็นบุตรผู้ก่อตั้งและประธานบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้นในหลายบริษัท ได้รับเงินปันผลจากบริษัทเดียวปีละกว่า 100 ล้านบาท แสดงว่าผู้ร้องมีอาชีพการงานมั่นคง มีรายได้มากเพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ทุกคน 
            อีกทั้งยังปรากฏว่า อธิบดีกรมกิจการเด็กในฐานะผู้กำกับดูแลหน่วยงาน ที่เลี้ยงดูผู้เยาว์ทั้ง 13 คนมีหนังสือไม่คัดค้านการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาล และก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งผู้ร้องเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนถือกำเนิดมา จึงต้องรับผิดชอบในการอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ดังกล่าว
          ดังนั้นเมื่อคำนึงถึงความผาสุข สวัสดิภาพและโอกาสของผู้เยาว์ทั้ง 13 คนอันพึงจะได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาที่แท้จริงที่ย่อมต้องมีความรักใคร่ผูกพันต่อบุตรโดยสายเลือดของตนเองและเป็นผู้มีความใกล้ชิดกับผู้เยาว์มากที่สุด โดยที่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีความประพฤติบกพร่องเสียหายประการใด 
          ศาลเยาวชนฯ จึงเห็นสมควรมีคำสั่งให้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้อง นับแต่วันที่ผู้เยาว์นั้นเกิด และเมื่อได้ความว่าหญิงผู้รับตั้งครรภ์แทนมิได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับผู้เยาว์แต่อย่างใดและทุกคนต่างทำบันทึกยอมสละอำนาจปกครองแล้ว จึงเห็นควรให้ผู้ร้องใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้ง 13 คนแต่เพียงฝ่ายเดียว
           ศาลจึงมีคำสั่งว่า ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องนับแต่วันที่ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนเกิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 56 กับให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้ง 13 คนแต่เพียงฝ่ายเดียว

             "พ่ออุ้มบุญญี่ปุ่น"เฮ! ชนะคดี ได้ลูก 13 คน

                                                            ทนายพ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น

            ทนายพ่ออุ้มบุญญี่ปุ่น ขอบคุณศาลชนะคดี ระบุ ดำเนินการตามขั้นตอน พม.เร็วสุด รับเด็กกลับ เน้นคำนึงสวัสดิภาพเด็ก ยัน เจตนาพ่ออยากมีลูกครอบครัวใหญ่ สานต่อธุรกิจ

           ด้านนายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความของนายมิตสึโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งให้พ่ออุ้มบุญเด็ก 13 ราย ได้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวว่า ขอขอบคุณผู้พิพากษาและกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับลูกความผม และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของสวัสดิภาพและความผาสุขของเด็ก

        " จากคำพิพากษาของศาล ได้พิเคราะห์ถึงพยานหลักฐานประกอบกับหลักฐานที่ท่านกำลังหาเองด้วย ซึ่งฟังได้ว่าลูกความของผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือคดีความอาญาใดๆและมีฐานะที่มั่นคงเหมาะสมและมีความต้องการที่จะเลี้ยงดูบุตรและอุปการะทุกคน"

         เขา กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนต่อไป เราต้องประสานกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอรับลูกๆกลับมาอยู่มาอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยมีเด็กอยู่ 13คน โดยเราจะทำการประสานกับ พม.ให้เร็วที่สุด ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็กทั้ง 13 คนด้วย ที่ผ่านมาเด็กๆจะคุ้นเคยกับพี่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์ที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งในระยะแรกอาจจะต้องให้พี่เลี้ยงที่เคยดูแลได้ช่วยดูแลเด็กๆก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทันที ขณะที่ผลคำสั่งของศาลนี้ยังไม่ได้เเจ้งให้นายชิเกตะทราบ อย่างไรก็ดีเด็กๆปัจจุบันก็มีอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 4ขวบ 

          ทั้งนี้ "ทนายความของนายชิเกตะ" ยังกล่าวอีกว่าเรื่องนี้ศาลได้พิจารณาในความเหมาะสมของตัวคุณพ่อและเจตนาของคุณพ่อ รวมทั้งประโยชน์สูงสุดกับสวัสดิภาพของเด็กว่าสามารถดูแลได้ดีหรือไม่ โดยตัวนายชิเกตะเองก็อยากมีลูกอยู่แล้วประกอบกับตัวคุณพ่อเองก็เกิดในครอบครัวใหญ่ก็อยากจะให้มีบุตรที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และอยากให้ช่วยสานต่อธุรกิจของทางครอบครัวต่อไป ส่วนเรื่องที่เด็กทั้งหมดจะใช้สัญชาติใดหรือจะไปอาศัยในประเทศกัมพูชาหรือประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่นายชิเกตะ จะเป็นผู้ตัดสินใจ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ