ข่าว

ไฟไหม้กุฏิวัดดังกรุงเก่าวอด 4 หลัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ระทึก !! ไฟไหม้กุฏิเก่าวัดเสนาสนาราม จ.อยุธยา เสียหาย 4 หลัง เทศบาลระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำสกัด เบื้องต้นคาดไฟฟ้าลัดวงจร

 

            เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 2561 พ.ต.ท.มาโนช ฤทธิพูน สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฏิภายในวัดเสนาสนาราม เลขที่ 101 หมู่ 10 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ด.ต.สุรินทร์ ผดุงเพียร รองนายกเทศมนตรีฯ นำรถดับเพลิงเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา และเทศบาลเมืองอโยธยากว่า 10 คัน และหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจไปยังที่เกิดเหตุ

            พบว่าที่เกิดเหตุเป็นกุฏิไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เพลิงลุกไหม้จากกุฎิหลังริมใกล้กับกุฎิของพระราชเมธีกรกวี เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดเสนาสนาราม และตึกพระญาณดิลก เจ้าหน้าที่ช่วยกันลากสายดับเพลิงเข้าไปฉีดล้อมกุฏิและอาคารโดยรอบ สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในเวลา 30 นาที เพลิงเผาผลาญกุฏิเสียหายรวมทั้งสิ้น 4 หลัง ค่าเสียหายยังประมาณไม่ได้

            พระราชเมธีกรกวี กล่าวว่า รู้สึกตกใจอย่างมากไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เนื่องจากทางวัดจะมีงานพระราชทานเพลิงศพด้วย จุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นกุฏิเก่าที่อยู่ติดกัน 3 หลัง เป็นไม้เก่าที่มีอายุมากกว่า 100 ปี จากการสอบถามพระที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่าเพลิงลุกไหม้จากกุฏิริมที่เป็นกุฏิร้าง แล้วลามไปยังกุฏิหลังที่สองที่เป็นกุฏิของพระณรงค์ ซึ่งออกไปบิณฑบาต แล้วลามไปติดหลังที่สามที่ไม่มีพระอยู่เช่นกัน แต่ด้วยความร้อนทำให้เพลิงไหม้กุฏิข้างเคียงเสียหายไปอีกหลัง รวมเป็น 4 หลัง

 

ไฟไหม้กุฏิวัดดังกรุงเก่าวอด 4 หลัง

 

            ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเดินทางมาอำนวยการดับเพลิง กล่าวว่า เนื่องจากทางวัดมีการวางผังอย่างดี รถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดับเพลิงของทั้งสองเทศบาลสามารถเข้าดับเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้น่าจะเกิดจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งรู้สึกเสียดายกุฏิเก่า แต่โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงคงต้องรอกองพิสูจน์ตรวจสอบต่อไป

            สำหรับวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา อยู่ในกำแพงหน้า หลังพระราชวังจันทรเกษม ไม่มีพระสงฆ์ตลอดสมัยอยุธยา ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด แต่มีกล่าวไว้ในพงศาวดารว่า วัดเสื่อ ได้สร้างขึ้นพร้อมพระราชวังจันทรเกษม โดยสร้างให้เป็นวัดประจำพระราชวัง ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระยศเป็นมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก ได้โปรดเกล้าฯ สร้างพระราชวังจันทรเกษมให้เป็นที่ประทับในคราวเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงศรีอยุธยา เมื่อราวปี พ.ศ. 2120 มีศาสนสถานสำคัญ มีสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และยังมีพระอินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัยที่อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทน์ ที่มีชื่อเสียงด้วย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ