ป๋าเปรมเปิดงานอุ่นไอรักฯ- ประชาชนแต่งชุดไทยร่วมงานคึกคัก

       ตามที่​สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” เพื่อพระราชทานความสุขให้กับประชาชน และเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่าง ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
เมื่อเวลา 15.05 น.วันที่ 8 กุมภาพันธ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ เปิดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต ในการนี้ ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลัย และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วเข้าพลับพลาพิธี ถวายความเคารพพระราชอาสน์ จากนั้นได้ทำการลั่นฆ้องเปิดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” พร้อมชมการแสดงชุดพิเศษ มหกรรมกลองมหามิ่งมงคล รำอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคล จบการแสดง ถวายความเคารพพระราชอาสน์ ก่อนจะขึ้นรถรางไฟฟ้าเพื่อชมนิทรรศการและร้านค้าต่างๆ ที่มาร่วมในงาน

       นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง ในฐานะรองประธานกรรมการจัดงานฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัด​งานว่า “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” เป็นงานที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นสืบสานการจัดงานฤดูหนาวในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่องานและแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงาน มี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ เป็นประธานคณะกรรมการ จัดขึ้น ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่าตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ถึง 11 มีนาคม 2561 เพื่อสะท้อนให้เห็นความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน ถัดมาเพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดสิ่งดีงาม รวมถึงเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยให้แก่ประชาชน อีกทั้งนำรายได้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกๆ ภูมิภาค เป็นการให้ผู้มาร่วมงานได้ร่วมทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล

       "การจัดงานแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เริ่มจากส่วนที่ 1. นิทรรศกการ จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ที่สะท้อนความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 รวมทั้งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ตลอดจนประวัติศาสตร์ศาสนา เศรษฐกิจ สังคม และประเพณีวัฒนธรรม ใช้ชื่อนิทรรศการว่า “สยามประชารำฦก” แบ่งออกเป็น 12 เวิ้ง เช่น เวิ้งทรงพระเยาว์ เวิ้งนำความเจริญสู่บ้านเมือง เวิ้งทรงสร้างสาธารณูปโภค เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง ซึ่งประดิษฐ์จากผ้าไหมศิลปาชีพ เป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะทรงสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยการสืบสาน รักษา และต่อยอดงานด้านการพัฒนา และพระราชทานความสุขแก่ปวงประชาในทุกด้าน
       ส่วนที่ 2 ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ และร้านค้ารับเชิญ จำนวน 28 ร้าน รวมทั้งร้านจิตอาสา 904 และส่วนที่ 3 ร้านอาหาร​ประกอบด้วยร้านอาหารไทยและซุ้มสาธิตการทำอาหารโบราณ ภายใต้แนวคิดว่า “ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร สืบสานชุมชนวิถีไทย” จำนวน 36 ร้าน​ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือสนับสนุนเป็นอย่างดีจากคณะกรรมการจัดงาน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ ร้านค้ารับเชิญ และร้านอาหารไทยที่มาร่วมออกร้านภายในงาน ด้วยต่างตระหนักถึงน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณา ที่ทรงพระราชปรารถนาให้ประชาชนได้รับความรัก ความอบอุ่น และความสุขโดยทั่วกัน" นายจิรายุ กล่าว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจัดงานเริ่มคึกคักแต่เช้า มีประชาชนทุกเพศทุกวัยที่ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคสมัยต่างๆ ทะยอยเข้าร่วมงาน หลายเสียงบอกว่าที่รีบมาเพราะเป็นวันแรกที่เปิดให้เข้าร่วมงาน อีดทั้งเช้าๆ อากาศเย็นสบาย เมื่อเข้าบริเวณงานพบการประดับดอกไม้ต่างๆ ก็สร้างความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ตั้งใจจะอยู่จนถึงพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและเดินเที่ยวงานให้ครบทุกส่วน

       นางสาวชุติมา สารจันทร์ อายุ 26 ปี พนักงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ ที่วันนี้มาพร้อมเพื่อนๆ รวม 5 คน กล่าวว่าวันนี้เป็นเวรหยุดวานพอดีจึงชักชวนกันมาเที่ยวงานโดยตัวเองมีชุดไทยอยู่แล้วจึงถือโอกาสหยิบมาใส่ ส่วนบางคนไม่มีก็ไปเช่าในราคาไม่แพง อยากร่วมสืบสานความเป็นไทย พร้อมกับชมเนื้อหาของงานเกี่ยวกับสถาบันที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน
       "มาจากย่านมีนบุรี ขับรถมากันเอง จอดที่สวนสัตว์ดุสิตแล้วเดินเข้างานก็สะเวกสบายดี เห็นบรรยากาศแล้วอิ่มใจมาก สวยงาม อบอุ่น เป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.10 ที่ทรงให้จัดงานแบบนี้ขึ้น เวลาได้แต่งชุดไทย รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทย และตื่นเต้น ยิ่งเดินไปไหนมาไหนคนอื่นๆ ก็แต่งเหมือนกันหมด วันนี้จะเดินให้ทั่วงานและถ่ายรูปเก็บความประทับใจไว้ทุกซอกมุม ถ้าเวลาไม่พอกะว่าวันอื่นจะนัดกันมาใหม่" น.ส.ชุติมา กล่าว

       เช่นเดียวกับนายสามารถ ปราบปราม อายุ 50 ปี ชาวนนทบุรี อาชีพรับจ้างทั่วไปที่เดินทางมาคนเดียวโดยแต่งชุดนักรบสมัยโบราณมาร่วมงานด้วยเผยว่า พอทราบข่าวการจัดงานรีบไปหาชุดมาสวมใส่ทันที เลือกชุดนักรบโบราณก็เพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต เราก็เปรียบเหมือนทหารของพระองค์ช่วยรบต่อสู้ข้าศึก วันนี้ตั้งใจมาชมนิทรรศการต่างๆ แล้วถือโอกาสหาอาหารไทยที่หายากรับประทานด้วยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ส่วนตัวชอบโซนที่ให้ถ่ายภาพสามมิติเพราะได้ภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก อยากเชิญชวนทุกคนแต่งชุดไทยมาร่วมงาน นอกจากความสุขแล้วยังได้ความรู้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ​สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้มีความสุข ความรื่นเริง และรำลึกถึง วิถีชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นคนไทยและชาติไทย ตลอดจน สามารถมีส่วนร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการเลือกซื้อสินค้านานาชนิดจาก ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ ร้านค้ารับเชิญที่มาร่วมงาน การสอยต้นกัลปพฤกษ์ สลากการกุศล การถ่ายภาพย้อนยุค และกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ร้านจิตอาสา 904 ยังได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เช่นเสื้อโปโลสีต่างๆ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ที่แสดงถึงการเล่นกีฬาของครอบครัวลงบนด้านหน้าของเสื้อ และด้านหลังเป็นภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ที่แสดงถึงการละเล่นของไทยสมัยโบราณในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ลงบนกระเป๋าจิตอาสา ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วยภาพครอบครัวจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ และภาพที่แทนความหมายความเป็นอยู่ของประชาชนทั้ง 3 ฤดู ซึ่งสะท้อนถึงความรัก ความห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ เสมือนเป็นความรัก ความผูกพันและความอบอุ่นที่มีให้กันในครอบครัว และร้านมูลนิธิศิลปาชีพ ที่จำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ซึ่งรายได้จากการจัดงานโดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะทรงนำไปใช้ในการพระราชกุศล บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ช่วยเหลือราษฎรผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติและเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ภายใต้กิจกรรมในโครงการตามพระราชดำริ "จิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ"

       ทั้งนี้ ชอเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายย้อนยุค หรือชุดสุภาพ ร่วมเที่ยวชมงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” มาร่วมแสดงความรัก ความสามัคคี และแสดงถึงความมีน้ำใจ ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในบรรยากาศย้อนยุค ณ พระลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า ระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. – 21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ เปิดถึง เวลา 22.00 น. โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู