ข่าว

รองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ยันยังไม่สร้างโรงไฟฟ้าขยะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ยืนยัน การก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยและผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยในพื้นที่ ต.ปาฝา ยังไม่เกิดขึ้น วอนประชาชนอย่าวิตกกังวล


               5 ก.พ. 61  เมื่อเวลา 11.00 น.  แกนนำชาวบ้านต่อต้านการสร้างโรงกำจัดขยะ โดยการนำของ นายสิริศักดิ์ สะดวก แกนนำในนามกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตำบลปาฝา และนายสวาท ราษฎร์ภักดี หมู่ 1 บ้านปาฝา กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตำบลปาผา อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด นำชาวบ้านตำบลปาฝา ประมาณ 100 คน มารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อขอเข้าพบยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ยกเลิกคำสั่งเอ็มโอยูเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะไม่สร้างโครงการก่อสร้างศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยและผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยในพื้นที่ตำบลปาผา อำเภอจังหาร เนื่องจากชาวบ้านคัดค้าน และจะย้ายไปสร้างในพื้นที่อื่น แต่ถูกชาวบ้านหลายตำบลต่อต้าน คัดค้าน เกรงว่าเมื่อหาที่สร้างไม่ได้ อาจจะย้อนกลับมาสร้างในพื้นที่เดิม

               นายสวาท กล่าวว่า พวกตนมาในนามตัวแทนชาวบ้านตำบลปาฝา แบบจิตอาสา ยืนยันว่า การเดินทางไม่ได้มาประท้วง จะมาด้วยความสงบ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างโรงกำจัดขยะวันละ 600 ตัน ถึงแม้จังหวัดอ้างวาระแห่งชาติ แต่ก็ไม่ผ่านการทำประชาคม ซึ่งชาวบ้าน 12 หมู่บ้าน 5,396 คน ไม่เห็นด้วยกับการที่บริษัทฯ มาทำโรงไฟฟ้ากำจัดขยะในพื้นที่ ซึ่งเป็นการเลือกสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เพราะอยู่ท่ามกลางชุมชน ไปใช้สถานที่อื่น พวกตนก็ไม่คัดค้านกับการก่อสร้างดังกล่าว ถ้าไปสร้างในที่ห่างไกลจากชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล พวกตนก็เห็นด้วย ดังนั้น จึงเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านเป็นเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องการคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า จะไม่หันกลับมาสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอจังหารโดยเด็ดขาด เพราะมีแนวโน้มว่าหลังจากอำเภอจังหารคัดค้าน พยายามไปสร้างสถานที่อื่น เช่น ตำบลดินดำ ตำบลดงสิงห์ ตำบลม่วงลาด ต่างก็ได้รับการต่อต้าน ซึ่งเกรงว่าจะหันกลับมาสร้างในพื้นที่ ต.ปาฝา ตามที่มีการตั้งใจไว้แต่ต้น ซึ่งพวกตนยืนยันว่า จะคัดค้านจนสุดความสามารถ ไม่ให้สร้างในพื้นที่ตำบลปาฝาโดยเด็ดขาด และต้องการการยืนยันที่ชัดเจนว่ามีการยกเลิกเป้าหมายสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะในพื้นที่ตำบลปาฝาโดยเด็ดขาดแล้วและจะไม่ย้อนกลับมา

               นายสิริศักดิ์ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดที่เป็นผู้มีอำนาจโดยตรงในการทบทวนการสร้างบ่อกำจัดขยะในพื้นที่ ต.ปาฝา มารับหนังสือคัดค้าน แล้วทำหนังสือตอบให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่หันกลับมาก่อสร้างในพื้นที่ตำบลปาฝาหากหาที่อื่นไม่ได้ โดยเด็ดขาด โดยยื่นคำขาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะต้องไม่เกิดในพื้นที่ตำบลปาฝาโดยเด็ดขาด ในขณะที่มีการขู่ว่าถ้าไม่มีคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษร ชาวบ้านจะชุมนุมอยู่ที่หน้าศาลากลางโดยไม่สลายตัว

               จากนั้นนายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงมารับหนังสือจากชาวบ้านที่รวมตัวกันไม่เกิน 100 คน และกล่าวกับแกนนำชุมชนว่า การดำเนินการก่อสร้างโรงกำจัดขยะที่จังหาร ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะจัดสร้างที่ใด และยังไม่มีการทำเอ็มโอยูตามที่ชาวบ้านเข้าใจ ซึ่งตนเองพร้อมรับหนังสือคัดค้านไว้ พร้อมกับชี้แจงว่า จะไม่มีการตอบเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่อยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้าง และจะไม่มีการกำหนดชัดเจนว่าจะมีการดำเนินการที่ไหนอย่างไร ดังนั้น การทำหนังสือยืนยันว่าจะยกเลิก ไม่สร้างในพื้นที่ตำบลปาฝา จึงทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันยังไม่ได้เริ่มต้น จะไปยกเลิกอะไรได้อย่างไร อยากให้ข้อเท็จจริงเป็นไปตามระเบียบ และไม่มีระเบียบที่จะต้องเซ็นยกเลิกอะไร โรงไฟฟ้าจะเกิดขึ้นไม่ได้หากชาวบ้านไม่ยอมรับ ขอให้ชาวบ้านไม่ต้องกังวล หากชาวบ้านไม่ยอมให้สร้างก็ย่อมจะสร้างไม่ได้อยู่แล้ว ขอรับปากด้วยวาจาที่เป็นสัจจะ ซึ่งตนเป็นคนรักษาคำพูด

               ในขณะที่นายเลิศบุศย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมที่จะแก้ปัญหาความวิตกกังวลของชาวบ้าน ซึ่งก็ได้ชี้แจงว่ายังไม่ได้มีการเริ่มต้นอะไรตามที่ท้องถิ่นได้มีการเสนอให้เอกชนเข้ามาสร้างโรงกำจัดขยะในพื้นที่ ซึ่งเป็นเพียงการเริ่มต้นเพื่อการศึกษาเท่านั้น ซึ่งการศึกษาแนวทางในการดำเนินการจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนในพื้นที่เป็นผู้ตัดสินอยู่แล้ว พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยทุกอย่างก็ก้าวไปไม่ได้ ซึ่งต้องเป็นไปตามกระบวนการตัวบทกฎหมายที่ต้องเดินไป ซึ่งไม่ควรที่ต้องวิตกกังวล เพราะภาคส่วนราชการในระดับจังหวัดจะต้องยึดผลประโยชน์และความคิดเห็นของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งทุกเรื่องหากประชาชนไม่ต้องการ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งก็คือหลักการง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อน ตรงไปตรงมา และตนไม่เห็นด้วยกับการกดดันประเภทดื่มเหล้ามาคุยกับตน ตนก็ไม่ชอบ เพราะศีลไม่เท่ากัน ตนไม่ดื่มเหล้า ดังนั้น เมื่อศีลไม่เท่ากันก็อย่ามาคุยกับผม เพราะคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ยืนยันว่า ทุกอย่างทำตามขั้นตอนไม่มีนอกไม่มีใน โดยไม่ทำอะไรให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ