“บูรพาพยัคฆ์” โชว์พลังวันกองทัพไทย

 

             18 ม.ค. 61  ที่ สนามบินมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) ค่ายจักรพงษ์ ต.ดงพระราม อ.เมืองปราจีนบุรี  พลตรี ศตวรรษ รามดิษฐ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 เป็นประธานในพิธีสวนสนามกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ของหน่วยทหารในเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ประกอบด้วย กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร.2 รอ.) และมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) รวมจำนวน 12 กองพัน เนื่องในวันกองทัพไทย หรือวันยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า ท่ามกลางญาติ-มิตรของเหล่าทหารและประชาชนร่วมชมกว่า 1,000 คน โดยมี นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผวจ.ปราจีนบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธี มีกิจกรรม อาทิ การแสดงพลัง การสวนสนามของกำลังพลจำนวน 12 กองพัน อย่างพร้อมเพรียง เข้มแข็ง และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล

               สำหรับหน่วยกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร.2 รอ.) เป็นหน่วยรบหลักจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นหน่วยทหารราบยานเกราะแห่งแรกของไทย มีภารกิจหลักดูแลความมั่นคงของประเทศในภาคตะวันออก จนเป็นที่มาของหน่วย “บูรพาพยัคฆ์” มีอดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร.2 รอ.) เป็นผู้นำในคณะรัฐบาล คสช. อาทิ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. สำหรับมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) เป็นค่ายทหารแห่งแรกของไทยที่จัดการรบแบบยุโรป

               พลตรี ศตวรรษ กล่าวให้โอวาทว่า “วันกองทัพไทย เป็นการเทิดพระเกียรติวีรกรรมอันกล้าหาญปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยให้เป็นมรดกตกทอดถึงพวกเราจนถึงทุกวันนี้ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้กำหนดให้เป็นวันกองทัพไทย พร้อมจัดให้มีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพขึ้น เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตดำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกราชของชาติไทย ถือได้ว่าเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งที่ทุกคนจะต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษไทย กองทัพไทยมีหน้าที่ปกป้องรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน

               ทหารทุกคนจะทำหน้าที่อันสำคัญนี้ให้สมบูรณ์ได้พร้อมยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณตนอย่างมั่นคง และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ยิ่งชีวิต มีระเบียบวินัย กล้าหาญ มีความสามัคคีในหมู่ประชาชน”