แบงก์ตรวจเข้ม !! ป้องกันสวมรอยเปิดบัญชี

           วันที่ 11 ม.ค.61 หลังเกิดกรณีมีมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนผู้อื่นไปแอบอ้างเปิดบัญชีเงินฝาก กับธนาคารถึง 7 แห่ง แล้วนำไปหลอกลวงผู้อื่นให้โอนเงินเข้าบัญชีและถอนเงินจากบัญชีซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนถึง 10 ล้านบาท จนมีผู้เสียหายที่ถูกขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี ธนาคารหลายแห่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตื่นตัวกำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวดและรอบคอบในการตรวจสอบหรือพิสูจน์ตัวตนของลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการขอเปิดบัญชีธนาคารมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องตรวจสแกนบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด การซักถามประวัติหรือข้อมูลส่วนตัว รวมถึงจุดประสงค์ในการขอเปิดบัญชี

           ซึ่งหากลูกค้ารายใดไม่มีบัตรประชาชนตัวจริง ไม่สามารถแจ้งข้อมูลส่วนตัว หรือวัตถุประสงค์ในการเปิดบัญชีได้ ทางธนาคารก็ไม่อนุญาตให้เปิดบัญชี ที่สำคัญหากมีลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าก็จะต้องขอความร่วมมือให้ถอดออก แล้วชี้แจงทำความเข้าใจให้ลูกค้าทราบถึงระเบียบการปฏิบัติของทางธนาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งมิจฉาชีพสวมรอยใช้เอกสารของบุคคลอื่นมาแอบอ้างเปิดบัญชี เพื่อนำไปกระทำผิดกฎหมาย ทั้งป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวใช้ธนาคารเป็นเครื่องมือในการทำผิดด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ติดป้ายแจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบ หากรับจ้างหรือแอบอ้างเปิดบัญชีก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้วย

           นายพิสิษฐ์ อดิเรกโชติกุล ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพสาขาบุรีรัมย์ และในฐานะรองประธานชมรมธนาคารพาณิชย์ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุว่า หลังเกิดกรณีการนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปแอบอ้างเปิดบัญชีแล้วนำไปกระทำผิดกฎหมายนั้น ทางธนาคารก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าที่จะมาขอเปิดบัญชีธนาคารให้มากขึ้น จากปกติที่ปฏิบัติอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าก็ต้องขอความร่วมมือให้ถอดออก เพื่อยืนยันว่าเป็นตัวจริงไม่ได้แอบอ้างหรือสวมรอยบุคคลอื่น เป็นการป้องกันมิจฉาชีพที่จะใช้บัญชีธนาคารดังกล่าวไปกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีชาวบ้านมาขอเปิดบัญชีเป็นกลุ่มหลายคน แต่ไม่สามารถแจ้งวัตถุประสงค์ของการเปิดได้ชัดเจน ทางธนาคารจึงไม่อนุญาตให้เปิด นอกจากนี้ก็ได้แจ้งให้สมาชิกชมรมธนาคารได้ระมัดระวังและเพิ่มมาตรการป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพที่จะมาในรูปแบบต่างๆ ด้วย