ข่าว

คุก 13,275 ปี "กก.อินโนวิชั่นฯ"จัดคอร์สสัมมนาแชร์ลูกโซ่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ภูดิศ กิตติธราดิลก"กก.รับสารภาพศาลพิพากษาคุก 5 ปี 2,653 กระทง ปรับบริษัท กว่า 663 ล้าน คืนเงินผู้เสียหาย.2 พันราย 574 ล้าน

        20 ธ.ค.60 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 29 ธ.ค.60 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3402/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บจก.เดอะซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ , บจก.อินโนวิชั่นโฮลดิ้ง และ นายภูดิศ กิตติธราดิลก อายุ 34 ปีกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343 และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3-5 , 9 ,11, 12, 15 กับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 

        โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.58 – 1 ก.ย. 59 จำเลยทั้งสามกับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาร่วมลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจจัดหลักสูตรสัมมนาต่างๆ เช่นหลักสูตรเกี่ยวกับการเงินการลงทุนประกอบธุรกิจเสริมความงาม , ธุรกิจเต็นท์รถ , ธุรกิจส่งออกไปแอฟริกา , ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แล้วชักชวนให้ผู้เข้าสัมมนาร่วมลงทุนกับบริษัท โดยอ้างว่าจะจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้กับสมาชิกที่ร่วมลงทุนอัตรา 1 % ต่อวันจากราคาแพ็คเกจที่ซื้อ ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลทุกสัปดาห์เป็นระยะเวลา 52 สัปดาห์ และหากผู้ใดสามารถชักชวนผู้อื่นมาซื้อแพ็คเกจด้วยบริษัทก็จะจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าแนะนำในอัตรา 5 %ของยอดเงินที่ซื้อแพ็กเกจนอกเหนือจากเงินปันผลอีกนอกจากนี้ถ้าบอกให้คนที่มาซื้อแพ็คเกจชักชวนคนอื่นต่อไปเป็นทอดๆ คนที่ชักชวนก็จะได้ค่าตอบแทนเช่นเดียวกัน

         และต่อมา จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันฟอกเงินโดยรับโอนเงินที่ได้ทำผิดกฎหมายมาครอบครองอีก จำนวน 3,565,299.02 บาท เหตุเกิดที่แขวงห้วยขวาง กทม. และต่างจังหวัด ชั้นจับกุมและสอบสวนนายภูดิศ ให้การปฏิเสธ แต่จำเลย มาให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา

        โดยวันนี้ ศาลเบิกตัว "นายภูดิศ กิตติธราดิลก" กก.บริษัท จำเลยที่ 3 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งหลังจากตร.สน.ห้วยขวาง จับกุมตัวนายภูดิศได้ตามหมายจับศาลอาญา เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นายภูดิศ ก็ถูกคุมขังในเรือนจำตลอดมาเพราะศาลไม่ให้ยื่นประกันตัว

          ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว รับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-3 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 343 วรรคหนึ่ง ,  พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ ม.4 วรรคหนึ่ง ,12 ,15 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ม.5 (1) (2), 60 , 61 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 83 ซึ่งการกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป 

           โดยความผิดฉ้อโกง และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้นเป็นกรรมเดียวกันแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก "นายภูดิศ" กก.บริษัท จำเลยที่ 3 รวม 2,653 กระทง ๆ ละ 5 ปีเป็นจำคุก 13,265 ปีกับให้จำคุกอีก 10 ปีฐานร่วมกันฟอกเงินด้วยรวมจำคุก "นายภูดิศ" กก.บริษัท จำเลยที่ 3 ทุกความผิดแล้วมีกำหนดทั้งสิ้น 13,275 ปี 

        อย่างไรก็ตาม "จำเลย" ให้การรับสารภาพ มีเหตุลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง จึงจำคุก "นายภูดิศ" กก.บริษัท จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 6,637 ปี 6 เดือน แต่รวมโทษทุกกระทงความผิดที่อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีแล้วตามกฎหมายให้กำหนดโทษจำคุกสูงสุดได้ 20 ปี จึงจำคุกจำเลยที่ 3 ทั้งสิ้น 20 ปี

         ส่วนบริษัทจำเลยที่ 1-2 ให้ปรับทั้งสิ้นรายละ 663,750,000 บาท และให้จำเลยทั้งสามต้อวร่วมกันคืนเงิน 574,188,781.22 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย 2,653 รายด้วย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

         ภายหลัง "นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช" ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนได้แจ้งความร้องทุกข์ไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งปรากฏว่านายภูดิศ จำเลยรับสารภาพจึงไม่มีการสืบพยาน และศาลก็นัดฟังคำพิพากษาเลย 

         ซึ่งแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว มีการทำธุรกรรมมูลค่า 5,300 ล้าน มีสมาชิกประมาณ 40,000 ราย แต่มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความ 2,000 กว่าราย โดยคาดว่าหลังจากมีคำพิพากษาแล้ว ผู้เสียหายอาจจะเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มเติม 

          "อยากฝากว่า คดีแชร์ลูกโซ่หรือแชร์คอร์สสัมมนา ศาลมีคำพิพากษาเป็นหมื่นปีแต่ลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปี ตรงนี้เองผู้เสียหายจึงยังรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเมื่อออกจากคุกก็อาจจะออกมากระทำผิดซ้ำอีก จึงคิดว่าควรจะต้องแก้ข้อกฎหมายคดีแชร์ลูกโซ่ แก้จากจำคุก 3 - 5 ปีต่อกระทง เป็น 7-10 ปี ต่อกระทงเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับโทษอย่างน้อย 50 ปี"

         นายสามารถ ปธ.สมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ฯ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการติดตามทรัพย์ ผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ง. ส่วนปัญหาแชร์ลูกโซ่ที่ระบาดยังไม่มีหน่วยงานไหนลงมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับการป้องปรามการกระทำความผิด ซึ่งกระทรวงยุติธรรมควรจะลงมาดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแชร์ลูกโซ่เพราะการจับกุมของตำรวจหรือดีเอสไอ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ