ข่าว

ชาวบ้านจับเอง!! กลโกง...ขโมยน้ำนมสหกรณ์โคนมฯขาย !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรรมการสหกรณ์โคนมฯ ลพบุรี พบน้ำนมหาย ตามสืบจับกันเอง ที่แท้ฝีมือ "พลขับ" ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก 18 ธ.ค.นี้

 

              15 ธ.ค.60 - เรื่องราวการทุจริตขโมยน้ำนมสหกรณ์โคนมพัฒนานิคม จำกัด ที่ จ.ลพบุรี ถูกจับได้เมื่อทางคณะกรรมการสหกรณ์โคนมฯ เกิดความสงสัยและตามสืบกันเองจนได้หลักฐานแน่นหนา ว่า คนขับรถของสหกรณ์น่าจะเป็นคนขโมยน้ำนมเอง จึงได้สะกดรอยตามจนจับได้ และแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี แต่ทางคณะกรรมการสหกรณ์ เห็นว่า คดีไม่ค่อยมีความคืบหน้า โดยแจ้งความไปตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จึงมาร้องเรียนกับ “คมชัดลึกออนไลน์”

              อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของเรื่อง ได้รับคำยืนยันว่า กำลังเร่งดำเนินการอยู่ คาดว่าในวันจันทร์หน้า (18 ธ.ค.) จะสามารถออกหมายเรียกคนขับรถสหกรณ์มารับทราบข้อกล่าวหาได้

              กรรมการสหกรณ์ เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวว่า จากการตรวจสอบของทางสหกรณ์พบว่าในช่วงเดือนเมษายน ถึง พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีน้ำนมหายไปทั้งหมดประมาณ 92 ตัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากการถูกคนขับรถรายนี้ขโมยทั้งหมดหรือไม่

              “ตอนที่เจอว่ายอดน้ำนมของสหกรณ์หายไปจากยอดที่ส่งขึ้นรถไปขาย ในช่วงแรกเราไม่ได้คิดว่าจะมีการขโมยน้ำนม เราก็ไปตรวจสอบเรื่องใบเสร็จ เอกสารต่างๆว่าครบไหม แต่ตอนหลังก็พบว่าเอกสารก็มีครบ แต่น้ำนมหายไป เราตามตรวจสอบกันอยู่นาน จนประมาณเดือนสิงหาคม เริ่มระแคะระคายว่าคนขับรถอาจจะขโมย จึงได้ตรวจสอบจากจีพีเอสที่ติดตามรถส่งนม ก็พบความน่าสงสัย ว่าคนขับรถขับรถออกนอกเส้นทาง”

              จนกระทั่งวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมากรรมการสหกรณ์จำนวนหนึ่งจึงได้สะกดรอยตามรถส่งน้ำนมของสหกรณ์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกคันใหญ่ มีแทงค์ใส่น้ำนมจุได้ 14 ตัน วันดังกล่าวรถจะต้องนำน้ำนมไปส่งที่ จ.ร้อยเอ็ด จากพัฒนานิคม จ.ลพบุรี ไป จ.ร้อยเอ็ด แต่ปรากฏว่ารถวิ่งไปที่ อ.กลางดง จ.นครราชสีมา ทั้งทีจริงๆ ไม่ใช่ทางผ่าน จนกระทั่งพนักงานขับรถหายเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง

              กรรมการสหกรณ์ เล่าต่อว่า ตอนนั้นเราพยายามตามเข้าไปถ่ายคลิป และแจ้งให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และไปแจ้งความไว้ที่ สภ.กลางดง ตั้งแต่วันนั้น ซึ่งตำรวจได้นำรถนมไปชั่งน้ำหนักใหม่ พบว่าน้ำนมหายไปประมาณ 260 กิโลกรัม และเมื่อเอาน้ำนมไปตรวจสอบ พบว่ามีน้ำเจือปนอยู่ในน้ำนม ซึ่งทางสหกรณ์สงสัยว่า เมื่อคนขับรถดูดน้ำนมออกไปจากแท้งค์แล้ว น่าจะเติมน้ำเข้าไปเพื่อให้น้ำหนักไม่ต่างจากเดิมนัก

              “ที่ผ่านมาสหกรณ์เคยถูกบริษัทรับซื้อตีกลับน้ำนม เพราะไม่ได้มาตรฐาน มีสิ่งเจือปน จึงสงสัยว่าน้ำนมส่วนหนึ่งที่โดนตีกลับ อาจจะเกิดจากการเติมน้ำเข้าไปในนมด้วยหรือไม่ ซึ่งช่วงไม่กี่เดือนมานี้ที่น้ำนมหายไปจำนวนมาก ก็มีน้ำนมถูกตีกลับมามากถึงประมาณ 100 ตัน”

              ทางสหกรณ์ขายน้ำนมราคากิโลกรัมละประมาณ 19 บาท หายไป 92 ตัน โดนตีกลับอีก 100 ตัน รวมๆแล้วก็เสียหายเกือบ 4 ล้านบาท

              กรรมการสหกรณ์ กล่าวว่า ทางสหกรณ์คอยติดตามความคืบหน้าทางคดีมาตลอด แต่ยังไม่เห็นความคืบหน้า ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ และตอนนี้คนขับรถก็ลาออกไปแล้ว ทั้งนี้คนขับรถคนนี้ขับรถของสหกรณ์มานานประมาณ 13 ปีแล้ว

              ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเรื่องนี้กับ ร.ต.อ.อวยชัย พรหมวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.กลางดง จ.นครราชสีมา เจ้าของคดีดังกลล่าว ยืนยันว่ากำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีอีกหลายคดีอยู่ในมือ ดังนั้นอาจจะทำให้ไม่รวดเร็วอย่างที่ชาวบ้านต้องการ

              ร.ต.อ.อวยชัย กล่าวว่า วันเกิดเหตุที่ทางสหกรณ์แจ้งมาให้เข้าไปดูที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาดึก เมื่อเข้าไปก็ไม่พบการกระทำผิด คือไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขา วันนี้ทางตำรวจจึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก ทางกรรมการสหกรณ์ต้องการให้ค้นบ้านหลังดังกล่าว แต่ทางตำรวจก็ทำไม่ได้ เพราะไม่พบความผิดซึ่งหน้า ถ้าจะตรวจค้นก็ต้องมีหมายศาล

              อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.อวยชัย เปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น คือเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีน้ำนมหายไปจำนวนหนึ่ง และเมื่อมีการส่งน้ำนมไปตรวจคุณภาพก็พบว่ามีน้ำเจือปน บวกกับพฤติกรรมน่าสงสัย คือขับรถออกนอกเส้นทาง จึงน่าเชื่อได้ว่าพนักงานขับรถดังกล่าวจะมีการทำผิดข้อหาลักทรัพย์นายจ้างจริง

              “คาดว่าในวันจันทร์น่าจะสามารถออกหมายเรียกพนักงานขับรถคนดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหาได้ โดยผมจะติดต่อไปก่อน เพราะมีเบอร์โทรศัพท์แล้ว หากเจ้าตัวยินดีมาพบเจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องออกหมายเรียก แต่ถ้าไม่มีก็ต้องออกหมายเรียก ถ้าออกหมายเรียกแล้วไม่มา 2 ครั้ง ก็ออกหมายจับ ยืนยันว่าคดีนี้จะมีการส่งฟ้องแน่นอน ซึ่งตามขั้นตอนก็ต้องส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อส่งฟ้องต่อศาลต่อไป”

              ทั้งนี้ ร.ต.อ.อวยชัย บอกว่า ในวันเกิดเหตุ (27 พฤศจิกายน) ได้สอบปากคำพนักงานขับรถไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธ

              ส่วนเจ้าของบ้านซึ่งคนขับรถอ้างว่าเป็นเพื่อนนั้น ในวันเกิดเหตุพนักงานเชิญตัวให้มาที่สถานีตำรวจด้วย แต่ไม่ให้ความร่วมมือ ขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยเฉพาะหากคนขับรถยอมรับผิดและให้การซัดทอด แต่ในถ้าคนขับรถยังยืนยันปฏิเสธ ก็อาจจะเอาผิดเจ้าของบ้านได้ยาก

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ