หนุ่มเมากร่างด่าตร.รับทราบข้อหาแล้ว

 

           ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2560 บุคคลที่ปรากฏในคลิปโลกออนไลน์ ซึ่งมีพฤติการณ์เมาแล้วส่งเสียงโวยวาย ด่าทอการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ในขณะแสดงตัวขอเชิญชายคนดังกล่าวไป สภ.เมือง โดยกล่าวพาดพิง พ.ต.ท.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองฯ ในลักษณะเสียหาย และอ้างรู้จักมักคุ้นนายตำรวจระดับสูงในจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งท้าทายให้เจ้าหน้าที่ให้จับกุมตัว เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าร้านส้มตำแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามสถานบันเทิงชื่อดังย่านถนนช้างเผือก เขตเทศบาลนคร(ทน.) นครราชสีมา

           บุคคลดังกล่าวทราบชื่อภายหลังคือนายฉัตรชัย หรือเก่ง ปาละแดง อายุ 42 ปี เจ้าของร้านส้มตำช้างเผือก ที่อยู่บ้านเลขที่ 503/5 ถ.ช้างเผือก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมนายปรีชา หรือเป๋ สินปรุ อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาอยู่เขต ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และที่ปรึกษากฎหมายได้เดินทางมาโดยนำดอกดาวเรืองกราบขอโทษ พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ที่ห้องทำงาน ซึ่งนายเก่งได้แอบอ้างชื่อ โดยอ้างเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

 

           นายฉัตรชัย หรือเก่ง กล่าวว่า ขอโทษต่อสังคมที่กระทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดี เมื่อเห็นภาพเสียงของปรากฏในคลิปที่มีการแชร์ในกลุ่มเพจกันอย่างต่อเนื่องพร้อมแสดงความคิดเห็นตำหนิพฤติการณ์ที่เมาแล้วไม่สำนึกด่าทอตำรวจในเครื่องแบบ ก่อนหน้านั้นตนมีปัญหาขัดแย้งกับนายตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในร้านเช็คอิน เมื่อกลับมานั่งดื่มเบียร์กับนายเป๋ มีกำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบจำนวนมากจะมาเชิญตัว เมื่อสอบถามว่าจะจับข้อหาอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมตอบ อ้างนายให้มาเชิญไปโรงพัก จึงไม่พอใจแสดงพฤติการณ์ไม่ดีออกไป ขณะนี้รู้สึกหวาดกลัวมาก เกรงจะถูกกลั่นแกล้ง ครอบครัวต้องประกอบอาชีพขายอาหารและไม่มีใครมาคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

           “เมื่อคืนลูกค้ากลัวไม่กล้าเข้าร้าน จึงมากราบขอโทษแสดงความสำนึกที่กระทำผิดและยอมรับข้อกล่าวหาไม่ขอสู้คดีแต่อย่างใด จากนั้นได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.จำนง สายป้อง หัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากระทำผิดมาตรา 136 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”