ข่าว

ดราม่า!!"ผัว"ฟ้อง"เมีย"หอบเงินบริจาคกว่า9ล้านหนี!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนุ่มป่วยมะเร็งโพรงจมูกจนตาบอด หลัง”บิณฑ์ บันลือฤทธิ์”นำไปเผยแพร่ทางโลกโชเซียล มีคนบริจาคช่วยเหลือเกือบ 10 ล้าน แต่ถูกภรรยาหอบเงินหนี เอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

 

          วันที่ 12 ธ.ค.2560 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายประเสริฐ คำมุงคุณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 2 บ้านโสกแมว ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ว่า ลูกชายคือ นายเดชฤทธิ์ หรือมอส คำมุงคุณ อายุ 24 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังทางโทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ เมื่อกลางปี 2559 นั้น ขณะนี้เกิดปัญหาในเรื่องเงินบริจาค เพราะถูกภรรยาของผู้ป่วยหอบเงินบริจาคเกือบ 10 ล้านบาท หนีไปอยู่บ้านพ่อแม่โดยไม่ยอมมาเหลียวแลบุตรชายของตน และนำเงินดังกล่าวไปใช้ในทางผิดวัตถุประสงค์ของผู้ใจบุญทั่วประเทศ

         หลังทราบเรื่อง จึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งปลูกอยู่หลังโรงเรียนบ้านโสกแมว พบนายประเสริฐพร้อมญาติๆกว่า 10 คน โดยมี นายอุทิศ อุ่นไชย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 อำนวยความสะดวก จากนั้นก็นำตัวนายเดชฤทธิ์หรือมอสจากที่นอนออกมาพบ โดยเล่าว่า ตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ช่วงแรกๆมีอาการตาพร่ามัวนึกว่าสายตาสั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ต่อมาจมูกไม่ได้กลิ่น ตาก็มัวลงไปเรื่อยๆ ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนครพนม ก่อนจะถูกส่งต่อมายัง รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น พบว่ามีเนื้องอกในจมูก แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นป่วยเป็นมะเร็งในโพรงจมูก แต่ไม่มีเงินรักษา ต้องกลับมาดูแลตามมีตามเกิดที่บ้าน กระทั่งต้นปี 2559 เกิดเนื้องอกลุกลามไปที่เบ้าตา และโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อร้ายปิดลูกตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง ต้องอยู่แบบทุกข์ทรมาน เพราะไม่มีเงินรักษา

         ต่อมาวันที่ 26 ก.ค.59 คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง เดินทางไปเยี่ยมถึงบ้าน พร้อมนำเรื่องราวของตนออกสื่อ ขณะนั้น น.ส.พัชรีพร หรือป๊อปปี้ สุวรรณพรม อายุ 21 ปี ภรรยายังอยู่ดูแลใกล้ชิด คุณบิณฑ์มีความต้องการช่วยเหลือครอบครัว เพราะมาพบสภาพความเป็นอยู่แล้วเกิดความสงสาร จึงปรึกษากับญาติๆหลายคนว่า จะให้ผู้ใจบุญโอนเงินเข้าบัญชีผู้ใด เนื่องจากตนนั้นไม่มีบัญชีธนาคารมาก่อน ทุกคนมีความเห็นตรงกันให้ใช้บัญชีของเมีย ซึ่งขณะที่ตนป่วยอยู่นั้นนางนันทพร คำมุงคุณ อายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่ก็ล้มป่วยด้วยโรคไตวายระยะสุดท้าย นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นครพนม ต่างก็วุ่นๆกันหลายอย่าง ญาติจึงให้ใช้บัญชีของ น.ส.พัชรีพรหรือป๊อป เพื่อนำเงินบริจาคดังกล่าวมาดูแล ในเวลาเดียวกันคุณบิณฑ์ก็ประสานไปยัง รพ.จุฬาภรณ์ เพื่อนำตัวไปรักษาอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

         นายเดชฤทธิ์หรือมอสเล่าต่อว่า หลังคุณบิณฑ์ออกสื่อเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญทั่วประเทศ เงินบริจาคไหลเข้าบัญชี น.ส.พัชรีพร ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.59 วันแรกเข้ามา 1,400,000 บาท วันต่อๆมาเข้ามาอีกหลายแสนบาท จนล่าสุดตัวเลขหยุดอยู่ที่ 9,000,000 บาทเศษ และในวันที่ 1 ส.ค.59 คุณบิณฑ์โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ครอบครัวรับพาตนไปรักษาที่ รพ.จุฬาภรณ์ หลักสี่ กทม. มีทีมแพทย์เตรียมเตียงไว้รอเรียบร้อย วันนั้น น.ส.พัชรีพรถอนเงินออกจากบัญชีครั้งแรก 200,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างไปรักษาตัว วันที่ตนเดินทางไปรักษาเป็นวันเดียวกับที่นางนันทพรแม่ของตนเสียชีวิตพอดี แต่ญาติต่างพากันปกปิดเพราะกลัวตนจะเสียใจ เมื่อถึงกรุงเทพฯก็ต้องหาบ้านเช่าเพื่อเป็นที่พักผ่อนของญาติ และได้บ้านเช่าอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก มีญาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเฝ้าตนทุกวัน

          "ปัญหาก่อตัวช่วงที่ผมมารักษาตัวที่โรงพยาบาล น.ส.พัชรีพรเริ่มใช้จ่ายเงินไปในทางที่ผิด นำสมุดบัญชีเงินฝากไปถอนเงินตามสถานที่ต่างๆในกรุงเทพฯหลายครั้ง ครั้งละ 200,000 บาท ถึง 550,000 บาท ขณะเดียวกันพ่อตาแม่ยายเริ่มมีความรังเกียจครอบครัวผม"นายเดชฤทธิ์ กล่าว

          นายเดชฤทธิ์ กล่าวอีกว่า วันหนึ่งหลังจากมาพักฟื้นที่บ้านเช่า ได้สอบถามภรรยาถึงเงินที่ถอนออกไป กลับถูกด่าทออย่างเสียหาย พร้อมนำอาวุธปืนมาให้ตนลูบคลำ แล้วบอกว่าไม่ต้องถามมาก “เงินของฉันจะเอาไปใช้จ่ายอะไรอย่ามายุ่ง” ด้วยความกลัวจึงให้นายประเสริฐผู้พ่ออยู่ใกล้ๆตน ด้วยเกรงจะไม่ปลอดภัย ระหว่างนั้น น.ส.พัชรีพรก็ไม่หยิบยื่นเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใด เมื่อไม่มีเงินจ่ายค่ายาบางชนิด วันที่ 7 ธ.ค.59 จึงพากันกลับบ้าน จากนั้น น.ส.พัชรีพรไม่เคยย่างกรายมาหาตนอีกเลย พร้อมกับเงินเกือบ 10 ล้านบาท ทราบภายหลังว่านำเงินจำนวน 3,200,000 บาท ไปซื้อรถกระบะ 4 ประตู รถเกี่ยวข้าว มอเตอร์ไซค์ และสร้างบ้านที่จังหวัดมุกดาหาร ญาติๆได้ปรึกษาผู้รู้ก็แนะนำให้ฟ้องศาลฯ จึงแต่งตั้งทนายยื่นฟ้องครอบครัวของ น.ส.พัชรีพร ต่อศาลจังหวัดนครพนม ความอาญานัดแรกวันที่ 22 ม.ค. ส่วนความแพ่งวันที่ 29 ม.ค.61 นี้ เพราะภรรยานำเงินบริจาคไปใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค

          นอกจากนี้ยังมีบัญชีธนาคารอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งนายเผย คำมุงคุณ นายก อบต.อุ่มเหม้า เปิดไว้ให้คนโอนเข้ามาอีกเล่ม โดยมีกติกาว่าต้องถอนพร้อมกัน 3 คน ประกอบด้วย 1.นายก อบต.ฯ 2.นายประเสริฐ คำมุงคุณ พ่อนายเดชฤทธิ์ และ 3.น.ส.พัชรีพร มีเงินอยู่ในบัญชี 237,033 บาท ปรากฏว่าทางครอบครัวนายเดชฤทธิ์ต้องการใช้เงินจำนวนดังกล่าวมาใช้รักษาตัว จึงไปบอกให้ น.ส.พัชรีพรไปเซ็นชื่อถอน แต่เมื่อถึงธนาคาร น.ส.พัชรีพรไม่ยอมมาเซ็นชื่อถอนให้

          ทางด้าน นางเมย์ลิษา คำมุงคุณ อายุ 41 ปี มีศักดิ์เป็นน้าสาวของนายเดชฤทธิ์หรือมอส เปิดเผยว่า คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ แอบมากระซิบถามว่าเมียของนายเดชฤทธิ์ไว้ใจได้หรือเปล่า เพราะเงินไม่เข้าใครออกใคร แต่เห็นเขาเป็นผัวเมียกัน ตอนนั้นดูแลอยู่ไม่ห่าง คิดว่าจะไม่น่ามีปัญหาจึงให้หมายเลขบัญชี น.ส.พัชรีพร โอนเข้ามาช่วยเหลือหลานชาย ไม่คาดคิดเงินตัวเดียวทำให้คนเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ แต่ขอขอบคุณผู้ใจบุญทั้งหลายที่เมตตาสงสาร พระคุณของท่านครอบครัว”คำมุงคุณ”จะจดจำไปตลอดชีวิต

          ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวประสานไปยังครอบครัวของ น.ส.พัชรีพรเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ