ข่าว

ชาวแปดริ้วข้องใจกรมศิลป์ลบประวัติศาสตร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทุ่มงบกว่า 9 ล้าน บูรณะกำแพงเมืองเก่าแก่จนใหม่เอี่ยม ชาวบ้านโวยหมดสิ้นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ผอ.ศิลปากร พื้นที่ ชี้แจง ทำถูกต้องตามหลักวิชาการ


               23 พ.ย. 60  เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ บริเวณด้านหลังกำแพงเมืองเก่า ริมถนนมรุพงษ์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา  มีชาวบ้านจำนวนกว่า 30 คน ได้ออกมารวมตัวจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงในอัตลักษณ์ของกำแพงเมืองเก่าแก่ ที่มีมาตั้งแต่ในช่วงยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเดิมมีสภาพเป็นกำแพงคอนกรีต ที่ก่อสร้างด้วยก้อนอิฐแดงขนาดใหญ่วางเรียงซ้อนกันเป็นชั้น กลายมาเป็นกำแพงเมืองที่อยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม เหมือนเพิ่งทำการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ จนดูหมดคุณค่าทางจิตใจและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชุมชนคนแปดริ้วไป

 

 

               นายวสันต์ สวนเลิศ อายุ 72 ปี กล่าวว่า กำแพงที่ทางกรมศิลป์เข้ามาบูรณะจนเสร็จแล้วนี้ มันดูใหม่จนเกินไป จนไม่ทิ้งอะไรที่เป็นของเก่าและมีคุณค่าทางจิตใจและทางประวัติศาสตร์เหลือเอาไว้ให้ดูเลย

               ซึ่งของเก่านั้นถึงจะเห็นสภาพเป็นเพียงแค่ก้อนอิฐแดงที่นำมาก่อวางเรียงกันอยู่เป็นชั้นๆ ก็ยังสามารถโชว์ให้เห็นถึงคุณค่าในความเก่าแก่ได้ เช่น หากเราไปท่องเที่ยวตามเมืองเก่าต่างๆ ในสถานที่อื่นๆ เราก็ยังอยากที่จะไปดูของเก่า และไม่ได้อยากไปดูของใหม่ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จนดูไม่มีคุณค่าอะไรแบบนี้ ทำให้หมดสิ้นประวัติศาสตร์ เพราะเมืองเก่ามันต้องมีประวัติศาสตร์ แต่ที่มาทำใหม่แล้วออกมาแบบนี้ มันไม่ได้โชว์ของเก่าอะไรเอาไว้บ้างเลย

               จึงอยากจะบอกแก่ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรให้ทราบบ้างว่า การจะทำอะไรก็ตามนั้น ต้องให้ประชาชนในพื้นที่ได้รู้ ว่าจะทำอะไรหรือจะบูรณะอย่างไร แต่นี่ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนได้รับรู้มาก่อนเลย มาเห็นอีกทีก็ในตอนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาล้อมรั้วกั้นสังกะสีแล้ว ถามใครก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาจะทำอะไร อีกทั้งยังมีการถมกลบบ่อน้ำใช้โบราณที่ด้านหลังกำแพงเมืองไปด้วย เหมือนเป็นการลบร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้เลือนหายไป

               ซึ่งมันมีคุณค่าทางจิตใจของเราในฐานะคนในพื้นที่ เพราะเกิดมาก็ได้เห็นกำแพงเมืองแห่งนี้ ที่มีอยู่แล้วตั้งแต่เกิด จึงถือว่ากำแพงเมืองแห่งนี้ก็เป็นหน้าเป็นตาของเมืองฉะเชิงเทราด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

               นายเมธาดล วิจักขณะ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ซึ่งดูแลรับผิดชอบโบราณสถานในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การเข้ามาบูรณะกำแพงเมืองเก่าที่ จ.ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ ได้กระทำการไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยได้ใช้ปูนหมักปูนตำและวัสดุอุปกรณ์ เช่น อิฐที่นำมาใช้และสูตรของปูนตามแบบต้นฉบับเดิมในการก่อสร้างกำแพงเมืองโบราณทุกอย่าง เพื่อที่จะให้มีสภาพเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด

               ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานหลังกำแพงปูนถูกแดดถูกฝน จนมีเชื้อราและตะไคร่เกิดขึ้นใหม่เกาะอยู่บนเนื้อของปูนที่ฉาบเอาไว้แล้วก็น่าจะกลับมามีสภาพแบบเดิมได้ในอีกไม่นาน หรือประมาณ 2 - 3 ปี เท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงความรู้สึกของคนที่ยังไม่เข้าใจ

               ส่วนการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบนั้น เดิมนั้นทางกรมศิลปากรที่ 5 ได้มีการมาตั้งเต็นท์ประชาสัมพันธ์เอาไว้แล้ว แต่ได้ถูกกระแสลมพายุพัดจนพังเสียหายไป ซึ่งต่อไปจะต้องให้ทางนักวิชาการท้องถิ่น และชาวบ้านที่เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่มานานเข้ามีส่วนร่วมกันในการบูรณะด้วย ขณะที่บ่อน้ำเก่าแก่เดิมที่เคยมีอยู่ที่ด้านหลังกำแพงเมืองนั้น ทางสำนักศิลปากรที่ 5 จะเข้ามาทำการขุดค้นสำรวจหาใหม่อีกครั้งต่อไป

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ