ข่าว

ชี้ เอาที่นั่ง รฟฟ.ใต้ดินออกเกาไม่ถูกที่ !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สามารถ" ชี้ เอาที่นั่ง รฟฟ.ใต้ดินออกเกาไม่ถูกที่ แนะต้องเพิ่มจำนวนตู้

          22 พ.ย.60-นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์"ว่า การถอดเก้าอี้รถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินโดยบริษัท บีอีเอ็ม ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าใต้ดิน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 พ.ย. ที่ผ่ามา เป็นสิ่งที่ประชาชนสนใจอย่างมาก และน่าแปลกใจที่การกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นผู้ให้สัมปทานแก่บีอีเอ็มไม่ได้รับรายงานมาก่อน ทั้งนี้รถไฟฟ้าให้บริการมาแล้ว 13 ปี จากผู้โดยสารใช้บริการ 147,00 คนต่อวัน ในปี 2547 จนเพิ่มเป็น 300,000 คนต่อวันในปัจจุบัน แต่บีอีเอ็มก็ยังใช้รถไฟฟ้า 19 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ อยู่ตลอด 

          สามารถระบุต่อไปว่า จากปัญหาชั่วโมงเร่งด่วนซึ่งทางบีอีเอ็มได้แก้ปัญหาด้วยการ 1. ทดลองถอดเก้าอี้ช่วงกลางของตู้โดยสารตู้กลางออกทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งละ 1 แถว ทำให้จำนวนผู้โดยสารนั่งลดลง 14 คน (ฝั่งละ 7 คน) จากการคำนวณพบว่า การถอดเก้าอี้ช่วงกลางออกจะทำให้ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 6 ตร.ม.จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 22 คนต่อตู้ โดยคิดความหนาแน่นของผู้โดยสาร 6 คน/ตร.ม. แต่ถ้าบีอีเอ็มถอดเก้าอี้ช่วงกลางออกทุกตู้ตามที่มีข่าว ตู้ละ 2 แถว รวมทั้งหมด 6 แถว (1 ขบวน มี 3 ตู้) จะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 66 คนต่อขบวน และจากข้อมูลของ รฟม. พบว่า ในปัจจุบันรถไฟฟ้าใต้ดินมีความจุผู้โดยสาร 885 คนต่อขบวน ดังนั้น หลังจากถอดเก้าอี้ช่วงกลางออกทุกตู้ จะทำให้มีความจุผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 951 คนต่อขบวน หรือคิดเป็นจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 7.5%

                   ชี้ เอาที่นั่ง รฟฟ.ใต้ดินออกเกาไม่ถูกที่ !!

          2. ตนได้รับการบอกเล่าจากผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินคนหนึ่งว่า ในช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ของวัน 20 พ.ย.ที่ผ่านมา เขาต้องรอรถไฟฟ้าที่สถานีสวนจตุจักร (หมอชิต) เพื่อเดินทางไปสถานีเตาปูนนานผิดปกติ กล่าวคือ ต้องรอนานถึงประมาณ 15 นาที จากปกติที่รอไม่เกิน 5 นาที ซึ่งสอดคล้องกับเว็บไซต์ของบีอีเอ็มที่ระบุว่า ในชั่วโมงเร่งด่วนเวลา 06.00–09.00 น. และ 16.30-19.30 น. จะปล่อยรถไม่เกิน 5 นาทีต่อขบวน ผู้โดยสารคนดังกล่าวจึงสอบถามพนักงานประจำสถานีถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ได้ความว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า บีอีเอ็มตัดการเดินรถเหลือสิ้นสุดแค่สถานีสวนจตุจักร ไม่วิ่งต่อไปถึงสถานีเตาปูน แล้วกลับไปรับผู้โดยสารที่สถานีพหลโยธิน เพื่อขนผู้โดยสารเข้าเมือง โดยจะทำเช่นนี้ต่อเนื่องกัน 3 ขบวน พอถึงขบวนที่ 4 จึงจะวิ่งไปจนถึงสถานีเตาปูน ซึ่งการตัดช่วงการวิ่งให้บริการเช่นนี้ ทำให้ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าผู้โดยสารที่สถานีสวนจตุจักรต้องรอรถไฟฟ้าเป็นเวลานานประมาณ 15 นาที เป็นผลให้มีผู้โดยสารเต็มชานชาลา และผู้โดยสารที่สถานีเตาปูนที่เดินทางมากับรถไฟฟ้าสายสีม่วงก็ต้องรอรถไฟฟ้าใต้ดินนานประมาณ 15 นาที 

           นายสามารถระยุต่อไปว่า จากการแก้ไขดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก และต้องเสียเวลา ตนจึงขอเสนอให้ รฟม. รีบดำเนินการดังนี้  1. ตรวจสอบสัญญาสัมปทานระหว่าง รฟม.กับบีอีเอ็มว่า มีการกำหนดจำนวนผู้โดยสารนั่งและผู้โดยสารยืนต่อขบวนไว้หรือไม่ อย่างไร 2. ตรวจสอบสัญญาสัมปทาน ว่ามีการกำหนดความถี่ในการปล่อยขบวนรถไฟฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ ไว้หรือไม่ อย่างไร 3. เร่งรัดให้บีอีเอ็มเพิ่มตู้หรือขบวนรถไฟฟ้า โดยในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น ควรเพิ่มจำนวนตู้จาก 3 ตู้ เป็น 4 ตู้ต่อขบวน ทั้งนี้ในขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดินมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นเป็นประมาณ 300,000 คนต่อวัน ในปัจจุบัน แต่บีอีเอ็มก็ยังคงใช้จำนวนขบวนรถไฟฟ้าเท่าเดิมคือ 19 ขบวน ต่างกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งมีผู้โดยสารน้อยกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินมาก กล่าวคือ มีประมาณ 50,000 คนต่อวัน แต่บีอีเอ็มใช้รถไฟฟ้าถึง 23 ขบวน โดยทั้งหมดนี้ หวังว่า รฟม.จะรีบสั่งการให้บีอีเอ็มเร่งดำเนินการแก้ไข เพื่อทำให้ผู้โดยสารเดินทางสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ