ได้ลายเซ็นพ่อแม่แต่พลาดของ ‘พี่ตูน’ สุดท้ายฟิน !!

               ภาคภูมิ ประทุมเจริญ (โตโต้) จิตอาสาช่างภาพเฉพาะกิจ โพสต์ภาพข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Parkpoom Patumcharoen เผยเรื่องราวของ ด.ช.วัย 14 ปี ไม่ล้มเลิกความพยายามอยากได้ลายเซ็น ‘พี่ตูน’ 3 วัน สมหวัง สุดฟิน คุ้มค่าที่เฝ้ารอ ระบุ

 

 

               " สี่วันมาแล้วที่ ‘ครอบครัวอินทร์ท่าฉาง’ มาสร้างความสุขให้กับทุกๆ คนที่มารอต้อนรับพี่ตูน และชาวคณะที่กำลังวิ่งผ่านริมทาง

               ผมมาเริ่มเล่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ อ.เมืองสุราษฎ์ธานี วันนั้น น้องเพชร (ลูกชายคนเล็กของครอบครัว) มาเล่นกับเพื่อนเต็มวง ดังสนั่น สุขใจทั้งคนเล่น และคนได้ยิน รวมถึงทีมงานก้าว ทุกๆ คน

               พ่อแม่ของเพชรบอกกับผม

 

 

               น้องเพชร เล่าต่อว่า วันนั้น อยากได้ลายเซ็นของพี่ตูน แต่ว่าผู้คนที่มาต้อนรับจำนวนมาก แอบเสียใจที่ไม่ได้ลายเซ็นพี่ตูน เพราะตอนนั้นกำลังเล่นดนตรี แต่ยังโชคดีที่คุณพ่อและคุณแม่ของพี่ตูน ได้เซ็นประทับตราไว้ที่กีต้าร์ตัวโปรด เพชรบอกกับผมว่า อย่างน้อยก็เป็นคนในครอบครัวพี่ตูน ที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมเล่นดนตรี

               แม้ไม่ได้ลายเซ็นพี่ตูน แต่เพชรก็ยังเดินทางมาส่งมอบกำลังใจให้พี่ตูนตลอดเส้นทางที่ผ่านมาหลายวัน

               และดูเหมือนความพยายามของน้องที่อยากจะมีลายเซ็นของนักร้องขวัญใจของเขาก็ยังไม่สิ้นสุด

 

 

               เมื่อวานซืนน้องเพชร และครอบครัว ขับรถตามมาอีกครั้ง คราวนี้หยิบกีต้าร์คู่ใจ หวังสร้างความสุขและได้ลายเซ็นของพี่ตูน แต่แล้วก็พลาดโอกาสอีกหนึ่งวัน

               สำหรับเพชร...ใจหนึ่งก็คิดจะล้มเลิกความพยายาม...แต่อีกใจหนึ่ง ก็อยากจะทำให้เต็มที่ ดีกว่ามานั่งเสียดายภายหลัง

               เช้านี้ เพชร และครอบครัวออกมาเหมือนเช่นทุกๆ วัน

 

 

               พร้อมกับเปิดเวทีเล็กๆ ริมถนน สร้างความสุขให้กับทุกๆ คน เหมือนเช่นเคย

               วันนี้ เพชร สารภาพไม่ได้หวังอะไรแล้ว ขอแค่พี่ตูนได้ยินเสียงเพลงจากเขา ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวและเพื่อนๆ ที่อยากจะให้กำลังใจพี่ตูน

               “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง”

               “แสงสุดท้าย”

 

 

               และอีกหลายๆ เพลง...ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่แห่งนั้น เต็มไปด้วยความสุขจากเสียงร้องและกีต้าร์ของน้องเพชร โดยไม่ได้คิดว่าพี่ตูนจะหยุด หรือรบกวนเวลาในการวิ่งของพี่ตูน

               ไม่ทันขาดคำ พี่ตูนที่วันนี้ออกสตาร์ทมาตั้งแต่เช้ามืด...ก็มาถึงบริเวณเวทีเล็กๆ ที่น้องเพชรและครอบครัวตั้งใจเตรียมให้

               ภาพที่ทำให้ครอบครัวอินทร์ท่าฉาง และทุกๆ คนที่อยู่บริเวณนี้ยิ้มแก้มปริก็เกิดขึ้น เมื่อพี่ตูนหยุดวิ่ง แล้วเดินยิ้มเข้ามา...ทักทายอย่างเป็นกันเอง...มองดูกีต้าร์ที่วางอยู่ตรงหน้า

 

 

               “เอ้า ! นี่มันลายเซ็นพ่อแม่ผมนิ”

               เพชร ตอบสั้นๆ ว่า “ครับ พ่อแม่พี่เซ็นให้ พร้อมกับพูดกับพี่ตูนว่า

               ผมตามมาให้กำลังใจพี่ตูนกับทีมงานตั้งแต่ใน อ.เมืองสุราษฎร์ เลยครับ อยากมาส่งพี่ตรงนี้”

 

 

               พูดไม่ทันจบประโยค เฮียตูนยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะขออนุญาตน้องเพชร

               “พี่ขอยืมกีต้าร์เล่นกับเราได้ไหม เดี๋ยวพี่เล่นเอง ส่วนน้องเป็นนักร้องเลยนะ”

               ริมทางหลวง...กลายเป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจของเด็กชายเพชร วัย 14 ปี ทันที

 

 

               มือกีต้าร์รับเชิญ ที่ชื่อ ตูน บอดี้สแลม โชว์ลีลาลวดลายไปพร้อมๆ กับนักร้องวัย 14 ปี แม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ แต่ผู้ชมทุกคนต่างก็ปรบมือให้กำลังใจ อย่างพร้อมเพรียงกัน...

               คราวนี้ไม่ได้แค่ลายเซ็นแล้ว...พี่ตูนขอกอดน้องเพื่อให้กำลังใจกันและกัน ถ่ายรูปเพื่อบันทึกความทรงจำ และขอเซ็นลายเซ็นในกีต้าร์ตัวโปรด ไหนๆ ก็มีทั้งพ่อและแม่ ขอพี่อีกซักคน...

               บรรทัดต่อไปคงไม่ต้องเขียนบรรยายว่าทั้งสองจะรู้สึกอย่างไร...นอกจากความฟิน และความคุ้มค่าที่เฝ้ารอ

 

 

               แม้ไม่ได้ร่ำลากันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะพี่ตูนต้องรีบวิ่งไปต่อข้างหน้า

               ผมได้โอกาสพูดคุยกับน้องเพชรและครอบครัว เพชรตอบด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตื่นเต้น และตื้นตันใจว่า ดีใจ อยากขอบคุณพี่ตูนและทีมงานนะครับ ที่ทำให้เกิดโครงการนี้ ส่วนผมหลังจากนี้เวลาที่หยิบกีต้าร์ขึ้นมา ลายเซ็นนี้จะเป็นกำลังใจให้ผมได้ตั้งใจทำอะไรด้วยความมุ่งมั่น

               เพชรบอกกับผมว่าอีกว่า “พี่ครับ ถ้าอนาคตผมไม่ได้เป็นนักดนตรีอย่างพี่ตูนผมก็ไม่เสียใจ เพราะถึงแม้ผมโตขึ้นจะประกอบอะไร ผมก็จะไม่ลืมทำประโยชน์ให้กับสังคม เพื่อตอบแทนประเทศไทย เหมือนที่พี่กำลังทำครับ...ขอบพระคุณทีมงานทุกๆ คน ขอให้ไปถึงเส้นชัยครับ”

 

 

               ใครจะคิดว่าคำตอบของเพชร เด็กชาย วัย 14 ปี (อดีตเด็กผู้ชายที่ติดเกมส์อย่างงอมแงม) แต่ด้วยความรักและความเข้าใจของครอบครัว เพชรเริ่มสนใจฟังดนตรีจากคุณพ่อ และหันมาเรียนดนตรีเป็นกิจกรรมเสริมอย่างจริงจัง

               จนทุกวันนี้เขากลายเป็นนักดนตรีที่เพื่อนๆ คุณครูๆ และครอบครัวภาคภูมิใจ รวมถึงผมที่ลงมาติดตามและบันทึกเรื่องราวระหว่างทางของโครงการก้าวคนละก้าว ในช่วงนี้ด้วยคน

               ขอขอบคุณแคนนอนไทยแลนด์ สำหรับกล้องบันทึกภาพ Laowa Lens Thailand สำหรับเลนส์มุมกว้าง และผู้สนับสนุนทุกๆ คน ที่ทำให้ผมได้ลงมาร่วมเดินทางในครั้งนี้ครับ ยินดีให้แชร์ภาพและเรื่องราวได้นะครับ "