ข่าว

โทษเบิกความเท็จคุก5ปี "คดีครูจอมทรัพย์"ผิดทั้งคนสืบ-คนจ้าง?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“รองโฆษกอัยการ”ชี้บทสรุปรื้อครูจอมทรัพย์ไม่ใช่แพะ"ตร.-อัยการ-ศาล"ยุติธรรมเต็มที่ ให้ตร.สืบต่อขบวนจ้างรับผิด เข้าข่ายโทษเบิกความเท็จคุก5ปี ผิดทั้งคนสืบ-คนจ้าง

 

          19 พ.ย.60 นายประยุทธ  เพชรคุณ  รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลฎีกายกคำร้อง“ครูจอมทรัพย์”ที่ขอรื้อฟื้นคดีขับรถประมาทชนคนตายขึ้นพิจารณาใหม่ว่าเรื่องนี้สังคมได้เรียนรู้หลายอย่างจากคดีนี้ถึงการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเเละข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่รวมทั้งผลที่จะตามมาซึ่งหากเป็นกรณีผู้ที่เกี่ยวข้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตหรือที่เรียกว่ามาศาลมือไม่สะอาดด้วย

          ข้อเเรกจะเห็นได้ว่าเมื่อศาลฎีกายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ย่อมเป็นการยืนยันว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่พิพากษาลงโทษ3ปี2เดือนในข้อหาขับรถโดยประมาทชนผู้อื่นตายเเละหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือหรือเเจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ทันทีนั้นเป็นคำพิพากษาที่ถูกต้องทุกประการหรือสรุปสั้นๆคือนางจอมทรัพย์ไม่ใช่“เเพะ”ตามที่เป็นข่าวหากเเต่เป็นบุคคลที่กระทำผิดอาญาตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกเเละที่สำคัญที่สุดคือกว่าที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาลงโทษการทำงานของหน่วยงานยุติธรรมหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ(สตช.) ,สำนักงานอัยการสูงสุดเเละศาลยุติธรรมย่อมเเสดงให้เห็นว่าต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เเล้วโดยเฉพาะคดีนี้มีการพิจารณาถึงสามชั้นศาลนับว่ามีการพิเคราะห์ข้อเท็จจริงเเละข้อกฎหมายอย่างเต็มที่เเล้ว

          ส่วนประเด็นที่สังคมหรือประชาชนอาจสงสัย   ก็คือการจะรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่จะทำได้อย่างไรก็  ขอชี้เเจงว่าเหตุที่มีการออกพ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่พ.ศ.2526ก็มาจากมีความเชื่อว่าการตัดสินคดีอาญาของศาลอาจเกิดข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้  โดยเฉพาะขณะที่ตัดสินไม่มีพยานหรือข้อเท็จจริงปรากฎในชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งหลักกฎหมายนี้ให้โอกาสคนที่ถูกลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลมีสิทธิขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ ถ้าผู้ที่ต้องคำพิพากษาไม่ได้กระทำผิดหรือเขาเป็นเเพะโดยมาตรา5ของกฎหมายนั้นมีสาระสำคัญคือ1.พยานหลักฐานใหม่อันชัดเเจ้งเเละสำคัญเเก่คดีซึ่งถ้าได้มานำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดไปนั้นจะเเสดงได้ว่าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ได้กระทำผิด

          หรือ 2.มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าบุคคลที่มาเบิกความจนศาลรับฟังไปลงโทษนั้นเบิกความเท็จ หรือ 3.มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพยานเอกสารที่ศาลฟังลงโทษนั้นเป็นเอกสารปลอมกรณีถ้ามีข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวศาลจะให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่เเละจะพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาเดิมที่ลงโทษเเละมีคำพิพากษาใหม่โดยยกฟ้องคดีเดิมเพื่อยืนยันว่าผู้ร้องเป็นผู้บริสุทธิ์เเละคืนสิทธิต่างๆตามกฎหมายให้ด้วย

          นายประยุทธ   รองโฆษกอัยการกล่าวอีกว่าคดีนางจอมทรัพย์ที่ได้อ้างเหตุว่าเขาไม่ได้ขับรถชนโดยมีนายสับ วาปี ไปจ่ายค่าเสียหายทางเเพ่งให้ญาติผู้ตายเเต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับปรากฎว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นโดยการตรวจสอบพบว่ามีพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นขบวนการว่าจ้างกระทั่งเป็นที่มาของการนำสืบเเสดงให้ศาลเห็นจนยกคำร้องในคดีนี้

           “ตรงนี้จึงต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจเเละพนักงานอัยการจังหวัดนครพนมที่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่  เข้าไปคัดค้านคำร้องของครูจอมทรัพย์จนศาลฎีกายกคำร้องซึ่งมีคำวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกาหน้าที่ 39-40 ได้ชัดเเจ้งว่าเรื่องนี้มีขบวนการว่าจ้างให้มีการสมอ้างเป็นคนขับรถคันดังกล่าว เเละได้ยกคำร้องของนางจอมทรัพย์”นายประยุทธกล่าว

          นายประยุทธ  กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้คำพิพากษาว่ามีขบวนการว่าจ้างให้มาสมอ้างว่าเป็นคนขับรถชนผู้ตายเเล้ว ต่อไปจะได้รับผลตามกฎหมายอย่างไรบ้างนั้น โดยหลักเเล้วการฟ้องคดีหรือการเบิกความต่อศาลจะต้องกระทำโดยสุจริตหรือมาศาลมือสะอาด ดังนั้นหากไม่สุจริตหรือเอาความเท็จในข้อสำคัญทางคดีมาเบิกความต่อศาล ก็เข้าข่ายมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177ได้ ซึ่งความผิดฐานเบิกความเท็จมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคนเบิกความหรือคนที่ได้จ้างวานก็จะมีความผิดเช่นเดียวกัน

          “อย่างไรก็ดีการดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปจะสรุปอย่างไร ผมจะไม่ขอก้าวล่วง เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องดำเนินการต่อไป”รองโฆษกอัยการ กล่าวในที่สุด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ