ข่าว

ปรับรูปแบบ'ร่มเตียงพัทยา' ยกระดับท่องเที่ยว-เอกลักษณ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมืองพัทยาปรับรูปแบบใหม่ร่มเตียงพัทยา ยกระดับการท่องเที่ยว และเป็นเอกลักษณ์ ด้านราคาผู้ประกอบการกำหนดเอง

 

               พลตรี ภพอนันฒ์ เหลืองภานุวัฒน์ รองประธานสภาเมืองพัทยา ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบพื้นที่จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าของการจัดระเบียบผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าปัจจุบันตามนโยบายของ คสช.และเมืองพัทยา ได้กำหนดให้มีการจัดระเบียบเพื่อให้เกิดความสวยงาม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยมีมาตรการในการลดพื้นที่ทำกินของผู้ประกอบการให้เหลือเพียง 1 รายต่อ 1 ล็อค เพื่อเพิ่มสัดส่วนพื้นที่ว่างเปล่าที่จะให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยมีสัดส่วนพื้นที่ว่างบนชายหาดทั้ง 5 แห่งของเมืองพัทยา เฉลี่ย 60-70 % นั้น โดยกรณีดังกล่าวปัจจุบันได้มีการดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
               อย่างไรก็ตามนอกจากการลดพื้นที่ทำกินแล้ว ยังมีการออกข้อกำหนดอีกหลายประการ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรมและประโยชน์ต่อส่วนรวม อาทิ การสับเปลี่ยนหมุนเวียนพื้นที่ทำกินของผู้ประกอบการปีละ 1 ครั้ง การยกเลิกการทำกินแบบสืบทอดมรดก การห้ามปล่อยเช่า เซ้ง และการให้หยุดประกอบการทุกวันพุธของสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีแผนในการปรับภาพลักษณ์การให้บริการใหม่ โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบของร่มและเตียง ที่จะเป็นรูปแบบและทิศทางเดียวกัน โดยจะเน้นให้มีความเป็นมาตฐานสากล เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว สร้างความเป็นเอกลักษณ์ ที่สอดคล้องกับแผนของรัฐตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ระเบียงภาคตะวันออกหรือ EEC อีกด้วย

 

ปรับรูปแบบ\'ร่มเตียงพัทยา\' ยกระดับท่องเที่ยว-เอกลักษณ์


               พลตรี ภพอนันฒ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวปัจจุบันได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จาก บ.ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนอุปกรณ์ประกอบการ ทั้ง ร่ม เตียง และเบาะรองนั่ง ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่ของชายหาดพัทยา และวงศ์อมาตย์ ซึ่งมีจำนวนผู้ประกอบการรวมกันประมาณ 150 ราย ก่อนจะขยายจนเต็มพื้นที่อื่นๆ ภายในปี 2561 นี้ ซึ่งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ จะมีพิธีการส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ประกอบการต่อไป
               สำหรับปัจจุบันที่มีกระแสว่ารูปแบบของเตียงอาจไม่เหมาะสมกับพื้นที่ชายหาดรวมทั้งอัตราค่าบริการที่มีการปรับเพิ่มจากเดิมคือ 40 บาท เป็น 60-100 บาท นั้น กรณีดังกล่าวคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าวิตกกังวล เพราะผู้ประกอบการเองคงสามารถปรับสภาพพื้นที่ให้รองรับได้ ส่วนเรื่องของสนนราคาค่าบริการนั้น กรณีนี้ทางรัฐเองไม่ได้เป็นผู้กำหนดไว้แต่อย่างใด แต่เป็นในส่วนของผู้ประกอบการเองที่มีการหารือและกำหนดราคากันขึ้นมาเอง ซึ่งหากมองว่ามีผลกระทบกับตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มองว่ามีราคาสูงและอาจทำให้ได้รับผลกระทบต่อการทำกินนั้น ก็สามารถปรับลดลงได้ตามความเหมาะสม เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นอุปกรณ์ที่ได้มาฟรีจากการสนับสนุน ไม่ได้มีค่าใช้จ่าย หรือแบกรับต้นทุนแต่อย่างใด
               ปัจจุบันมีกระแสว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ติดกับตัวร่มและอุปกรณ์อื่นๆ ของผู้ประกอบการที่นำมาใช้บนพื้นที่ชายหาดหรือที่สาธารณะนั้น กรณีดังกล่าวคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำดื่มเท่านั้น ทั้งนี้จากการตั้งข้อสังเกตมองว่าทางภาคเอกชนที่สนับสนุนเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และใช้งบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก ฝ่ายกฎหมายหรือผู้รับผิดชอบก็คงจะไม่ทำอะไรที่ก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะที่ คสช.และเมืองพัทยา เองก็ดำเนินการทุกอย่างไปตามขั้น ตอน ซึ่งทุกอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือมีเจตนาที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมและมีรูปแบบที่เป็นสากลด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ