ข่าว

น้อมนำคำสอนในหลวง ร.9 ไว้ใช้ตลอดชีวิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ประชาชนยังคงนำพวงมาลัยไปกราบสักการะในหลวง ร.9 ท่ามกลางสภาพอากาศจะร้อนอบอ้าว

น้อมนำคำสอนในหลวง ร.9 ไว้ใช้ตลอดชีวิต

       วันที่ 30 ตุลาคม ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ สำหรับให้ประชาชนได้นำดอกไม้ และพวงมาลัยมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ตลอด 24 ชม.เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในวันออกทุกข์วันแรก หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้วว่า แม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าวแต่เช้า แต่ก็ยังพอมีลมพัดเบาๆ ของการเข้าสู่ฤดูหนาว มีประชาชนแต่งกายเสื้อผ้าสีสุภาพทะยอยเดินทางมากราบสักการะ พร้อมกับมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวอย่างหน้าตา เพราะเจ้าหน้าที่ได้เปิดให้เข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วเป็นวันแรกนับแต่ปิดไปในช่วงพระราชพิธีฯ  โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังยังคงคอยอำนวยความสะดวกเช่นเคย พสกนิกรแต่ละคนเผยความตั้งใจอยากมากราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมซึมซับบรรยากาศครั้งสุดท้าย 

      ขณะเดียวกันวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เปิดจุดคัดกรองจำนวน 5 จุดด้วยกันเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามายังพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย จุดคัดกรองพระแม่ธรณีบีบมวยผม,สะพานช้างโรงสี, หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ,ท่าช้าง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

    น้อมนำคำสอนในหลวง ร.9 ไว้ใช้ตลอดชีวิต

        น.ส.ทัศนีย์ ผลวุฒิ อายุ 43 ปี พื้นเพชาวลพบุรีแต่ไปใช้ชีวิตออยู่ประเทศออสเตรเลีย 3 ปี และเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วยความรักในหลวงรัชกาลที่ 9 สุดหัวใจกล่าวว่า เดินทางกลับมาร่วมงานพระราชพิธีฯ ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.โดยมารอเข้าในพื้นที่ตั้งแต่ตี 4 ของวันที่ 24 ต.ค. ได้ปักหลักอยู่บริเวณหน้าสวนสราญรมย์ ได้เห็นริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศจนจบ แล้วอยู่ต่อจนถึงเช้าวันที่ 27 ต.ค.ที่มีพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิแล้วอัญเชิญเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ก็ได้ไปรอรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จฯ ไปทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่วัดบวรนิเวศวิหาร รู้สึกตื้นตันใจพร้อมกับความโศกเศร้าอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป วันนี้จึงตั้งใจนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมากราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะไปกราบสักการะที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีรามราม และก่อนกลับออสเตรเลียในวันที่ 2 พ.ย.จะเดินทางมาเข้าชมพระเมรุมาศที่เปิดให้เข้าชมเป็นวันแรก พร้อมตั้งจิตจะทำดีถวายเป็นพระราชกุศลต่อไป

      นางอุไรวรรณ อินจันทร์ อายุ 53 ปี ประชาชน จ.ศรีสะเกษ ที่มาพักอาศัยและทำงานที่ย่านพระราม 2 กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังทำใจไม่ได้ รวดเร็วเหลือเกิน ที่ผ่านมาเข้าคิวเพื่อกราบพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง 2 ครั้ง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ และวันนี้ไม่ได้นำดอกไม้หรือพวงมาลัยมากราบพระองค์ แต่ตั้งใจมากราบด้วยความระลึกถึงพระองค์ท่าน

      น้อมนำคำสอนในหลวง ร.9 ไว้ใช้ตลอดชีวิต

      “ทราบดีว่ารัฐบาลได้ประกาศออกทุกข์แล้ว แต่ยังทำใจไม่ได้ อยากให้ขยายวันออกทุกข์ เพราะยังอยู่รู้สึกเศร้าเสียใจ และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเพิ่งจะผ่านพ้นไปเพียงข้ามคืนเท่านั้น ส่วนตัวคิดว่าคงจะอีกหลายวันจะลดสีเสื้อผ้าจากสีดำลงมา  ที่ผ่านมาได้น้อมนำในสิ่งที่ในหลวง ร.9 ทำ ในเรื่องของการรู้จักตัวตนของตนเอง รู้จักพอเพียง ถ้าเราไม่รู้จักพอดีก็จะทำให้เราทำผิดได้ และจะบอกต่อลูกหลานต่อไปด้วย” นางอุไรวรรณ 

น้อมนำคำสอนในหลวง ร.9 ไว้ใช้ตลอดชีวิต

    ด้านนางสุกัญญา ชัยเฉลิมศักดิ์ อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย จากเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด จึงได้นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาถวายสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่ได้มีโอกาสเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพพระองค์ท่าน เนื่องจากเพิ่งหายจากการผ่าตัดสะโพก ก็รู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เดินทางมา แต่วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็ได้มีโอกาสไปร่วมวางดอกไม้จันทน์ที่วัดใกล้บ้านเพื่อส่งเสด็จพระองค์ ก็รู้สึกเศร้าใจเห็นพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ หรือเวลาดูทีวีเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแล้วน้ำตาไหลทุกครั้ง ก็จะจดนำทุกสิ่งที่พระองค์ทำไว้ให้พวกเราปวงชนชาวไทยตลอดไป

         “สิ่งที่เราทำได้ก็คือจดจำคำสอนและสิ่งที่พระองค์ท่านทำไว้ให้กับพวกเราคนไทยตลอดไป เช่น ความพอเพียง ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และทำความดี ช่วยเหลือสังคมถ้ามีโอกาส เช่น ตอนนี้หน้าร้านก็ตั้งกล่องเพื่อรับบริจาคฝากกระป๋องเพื่อรวบรวมส่งต่อไปทำขาเทียมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ” นางสุกัญญา กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ