จัดรถไฟฟรีร่วมพระราชพิธีฯเชียงใหม่-กรุงเทพ ขบวนแรก 

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจังหวัดเชียงใหม่นอกจากประชาชนที่มีการไว้ทุกข์ และรอเวลาที่จะร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ยังพระเมรุมาศจำลอง ที่ตั้ง ณ ส่วนกลางคือบริเวณศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่เตรียมพร้อมไว้อย่างสวยงามสมพระเกียรติ แต่ก็ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่ต้องการเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าถวายอาลัย ร่วมพระราชพิธีใหญ่อย่างใกล้ชิด

                  ดังนั้นในส่วนระบบขนส่งต่างๆ เองก็ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับประชาชนจำนวนมากที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสม โดยเฉพาะขบวนรถไฟฟรี ที่ทางการรถไฟได้มีการการเพิ่มขบวนรถเร็วพิเศษช่วยการโดยสาร ชั้น 3 (รถไฟฟรี) ในระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2560 เพื่อบริการประชาชน ที่ตั้งใจจะเดินทางไปงานพระราชพิธี โดยเฉพาะ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งนอกจากนั้น ในการนี้ ยังมีประชาชนและหน่วยงานเอกชน เข้าร่วมกับสถานีรถไฟเชียงใหม่ จัดทำโรงทานจิตอาสาทำดีเพื่อพ่อ ที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม ฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในระหว่างวันที่ 23 และ 25 ตุลาคม 2560 เช่นกัน ซึ่งก็มีประชาชนนักท่องเที่ยว ที่เดินทางทั้งขาไปและกลับ ได้มารับของแจกกันจำนวนมากต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มปิติยินดี ทั้งผู้ให้และผู้รับ ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

               นายสนทยา ทองแต้ม สารวัตรงานเดินรถแขวงลำปาง ซึ่งดูแล 26 สถานีในภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในส่วนของการรถไฟ สังกัดกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และปริมณฑล เพื่อร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยการเพิ่มขบวนรถเร็วพิเศษช่วยการโดยสาร ชั้น 3 จากต่างจังหวัด (ขบวนรถไฟฟรี) จำนวน 4 เส้นทาง ประกอบด้วย สายเหนือ1เส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ สายอีสาน 2 เส้นทางคือ กรุงเทพ-อุบล กับ กรุงเทพ-หนองคาย และสายใต้1 เส้นทางคือ กรุงเทพ-หาดใหญ่ซึ่งมีการดูแลรักษาความปลอดภัยประจำสถานีและบนขบวนรถ ให้ประชาชนที่เดินทางนั้นได้รับความสะดวก เพียงพอ และปลอดภัย อย่างเต็มที่

                 โดยสำหรับสายเหนือนั้น จะแบ่งเป็นขาขึ้น 4 เที่ยว ขาล่อง 4 เที่ยว โดยเที่ยวแรกมีขึ้นในวันนี้(23 ต.ค.60) คือ ขบวน 964 เชียงใหม่-กรุงเทพ เวลาออก 16.00น. ถึงกรุงเทพเวลา 07.00น.วันที่ 24 ต.ค.60 สามารถรองรับประชาชนที่นั่งโบกี้ละ 76 ที่นั่ง หรือสามารถรองรับประชาชน (ตั๋วนั่ง) เที่ยวละกว่า 680 คน แต่หากมีตั๋วยืน อาจรองรับได้กว่า 800 คนต่อเที่ยว โดยเที่ยวแรกพบว่ามีประชาชนจองตั๋วอย่างแน่นขนัด ขณะที่อีก 2 ขบวน ที่จะเดินทาง ในเวลา 17.00น. และ 18.00น. นั้น ก็มีการจองตั๋วเต็มแล้วเช่นกัน

                เนื่องจากเป็นรถไฟฟรี ถวายเป็นพระราชกุศลให้กับในหลวง และคนส่วนมากต้องการเดินทางไปกรุงเทพเพื่อร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ แต่ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้มีฐานะการเงินที่ดีนักจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟฟรี ทำให้ประชาชนมีความประสงค์ที่จะขึ้นขบวนรถไฟฟรีครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยการเดินทางรอบแรกขบวนแรก ในวันนี้มีผู้โดยสารที่ขึ้นนั่งจากสถานีเชียงใหม่แล้วราว ร้อยละ 50 โดยระหว่างทางก็จะมีการจอดรับบริเวณสถานีรายทางตามจังหวัดและอำเภอทางผ่านต่างๆ ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะมีประชาชนเดินทางขึ้นอีกจำนวนมากเช่นกัน

                สำหรับการอำนวยความสะดวกนั้นสำหรับ สถานีรถไฟเชียงใหม่รวมไปถึงทุกสถานีระหว่างทางตั้งแต่จากเชียงใหม่จนถึงกรุงเทพนั้น มีความพร้อมเต็มที่ ที่จะดุแลอำนวยความสะดวกโดยเน้นย้ำให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ที่สำคัญคือขบวนรถเที่ยวที่ไปกรุงเทพเพื่อร่วมพระราชพิธีนั้น จะมีการอำนวยความสะดวกด้วยการ ไปหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารที่ ป้ายหยุดรถยมราช โดยมีการจัดเต็นท์อำนวยการ ที่พักคอยการโดยสาร ไฟฟ้าส่องสว่าง และมีการปรับปรุงชานชาลาที่ป้ายหยุดรถยมราชไว้แล้ว เนื่องจากอยู่ใกล้ท้องสนามหลวงมากกว่าสถานีปลายทางหัวลำโพง ซึ่งประชาชนสามารถลงจากรถไฟแล้วเดินเท้าไปยังสนามหลวงได้เลย ซึ่งจะเดินทางได้สะดวกสบายกว่า และไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถรับจ้างต่างๆเพื่อเดินทางมาถวายอาลัยเพิ่ม

                ด้านนางศรีนุช พิลึก ประชาชนที่เดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวนแรกไปร่วมพระราชพิธีฯ กล่าวว่า ตนเองมาจากจังหวัดลำพูน ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเดินทางไปร่วมพระราชพิธีเพื่อกราบในหลวง ร.9 เป็นครั้งสุดท้าย เตรียมตัวมาหลายวันแล้วและตื่นเต้นอย่างมาก แม้ว่าโดยก่อนหน้านี้ตนเองได้เดินทางไปที่กรุงเทพฯ เพื่อเคารพพระศพแล้ว 8 ครั้งด้วยกัน ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 9 เพื่อร่วมน้อมส่งพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ตนพอจะทำเพื่อพระองค์ได้ในฐานะราษฎรที่จงรักภักดี

            "มีความประทับใจในหลวงที่อุทิศตน ช่วยเหลือประชาชนคนยากจน ให้มีความสุขความสบายมีมาตรฐานชีวิตที่ดีขึ้น เปรียบเสมือนพ่อที่รักและมีความห่วงใยลูกๆ คือประชาชนในชาติทุกคน โดยตนเองก็ได้น้อมนำเอาคำสอนของในหลวงท่านมาสอน ลูกชายของตนเอง ให้เป็นคนประหยัดอดทนและมีความพอเพียง ตามรอยพระองค์ท่านเช่นกัน แม้พระองค์จะไม่อยู่แล้วแต่คำสอนของพระองค์จะยังคงเป็นแนวทางให้กับชนในชาติรวมทั้งตนเองอีกนานเท่านาน"

               ด้านนางอารี กันทาสัก กล่าวว่า ตั้งใจอยากจะไปกราบพ่อหลวงของเรา เป็นครั้งสุดท้าย โดยคิดมานานแล้วว่าหากไม่ได้ไปครั้งนี้ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบได้เคารพได้เจอพระองค์ท่านใกล้ๆอีกแล้ว จะต้องหาโอกาสไปให้ได้ แม้ว่าตนเองจะไม่ค่อยสบายด้วยโรคส่วนตัวและค่อนข้างอายุมากแล้ว เดินทางไกลมักจะมีอาการเจ็บป่วยกำเริบต้องพกยาเป็นถุงใหญ่ แต่อย่างไรตนก็ต้องพยายามไปจนได้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เดินทางไปกรุงเทพเพื่อเคารพพระบรมศพ