พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เพจ What the hell? โพสต์ภาพข้อความ พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
‘ไปไหมเสี่ย’ พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
" เมื่อสมัยก่อนเสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง และบางครั้งโดยลำพังพระองค์เดียว มีครั้งหนึ่งระหว่างจะเสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า “ไปไหมเสี่ย” ปรากฏว่าเสี่ยพระองค์นี้สนพระทัยก็ตรัสจ้างไปยังวังไกลกังวล โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้ นึกว่าเป็นข้าราชการ แต่พอถึงหน้าวัง ทหารสั่งวันทยาวุธ ซาเล้งถึงรู้ว่า เสี่ยที่มาส่งเป็นใคร "
‘กี่กิโล’ พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
" เรื่องพระราชอารมณ์ขันนี้ ม.ล.ปิ่น มาลากุล เคยเล่าให้ฟังว่า ที่มหาวิทยาลัยประสานมิตรปีหนึ่ง เมื่อพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว มีพระราชดำรัสแก่ ม.ล.ปิ่นว่า
“วันนี้ฉันได้ให้ปริญญาบัตรไปกี่กิโล”
ม.ล.ปิ่น อึกอักจนด้วยเกล้าฯ เพราะมิได้ให้ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีชั่งน้ำหนักก่อนเพื่อกราบบังคมทูล
แต่ในปีต่อมา ในโอกาสเช่นเดียวกัน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยได้เตรียมพร้อม ชั่งน้ำหนักใบปริญญาบัตรจำนวนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วล่วงหน้า ม.ล.ปิ่น จึงกราบทูลเสียงดังว่า
“วันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรไปจำนวนทั้งหมด 230 กิโลกรัม”
ในทันทีนั้นก็มีพระราชดำรัสถาม ม.ล.ปิ่น ว่า
“ฉันจะต้องได้อาหารสักกี่แคลอรี จึงจะพอชดเชยกับแรงงานที่ได้เสียไป”
‘ทรงพระครรภ์’ พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
" ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน ได้มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง แต่ไม่เชี่ยวชาญราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า “เอ้อ.. ทรง.. อ้า.. ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ” พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล ตรัสว่า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง” แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงไม่รู้ราชาศัพท์ด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า “เอ้า... พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ” เป็นอันว่าหมอก็ได้กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป "
‘คนในแบงก์’ พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
" ...เมื่อคราวที่ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ช่วงเช้าตรู่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พยาบาลที่ถวายงานอยู่จึงไปรับสาย ก็มีเสียงปลายทางพูดมาว่า “ขอสายฟ้าหญิง” พยาบาลที่รับสายจึงถามว่า “ขอประทานโทษค่ะ ใครจะเรียนสายด้วยคะ” ปลายสายตอบกลับมา “บอกเขาว่าคนในแบงก์โทรมา” พยาบาลจึงถามกลับไปว่า “ธนาคารไหนคะ” และคิดในใจว่ายังเช้าอยู่อย่างนี้โทรมาเรื่องอะไร แต่พอกลับมานั่งทบทวนว่าคนในแบงก์โทรมา ถึงกับตื่นเต้นตกใจขนลุกขนพอง เพราะคนในแบงก์ก็คือ “ในหลวง” นั่นเอง "
-------------------
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน” เขียนโดย วิลาศ มณีวัต
-------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง