ภารกิจช่วยชีวิตช้างป่า!! รับอาการยังน่าเป็นห่วง

 

          20 ต.ค.60 เมื่อเวลา 05.00 น. ทีมสัตวแพทย์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ร่วมกับทีมสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ทำการเคลื่อนย้าย ช้างป่าที่ถูกน้ำป่าพลัดตกคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มายังบริเวณปางแม่วัง ซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติ รองรับช้างของกลาง อยู่ห่างจากโรงพยาบาลช้างประมาณ 1 กิโลเมตร โดยสภาพของช้างป่าตัวนี้ยังรู้สึกตัว แต่มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า จากที่ต้องเดินทาง นานกว่า 10 ชั่วโมง

 

 

          ต่อมาในเวลา 07.00 น ได้มีการนำรถแบคโฮ จำนวน 2 คัน เข้ามาทำการพยุงช้าง ซึ่งระยะแรกเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากช้างมีน้ำหนักถึง 4 ตันและขาทั้ง 2 ข้างได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. สามารถทำการเคลื่อนย้ายช้างป่าตัวนี้ ลงจากรถบรรทุกได้ โดยนำมาไว้ที่บริเวณคอกธรรมชาติ เพื่อให้ช้าง ได้มีความคุ้นเคย 

 

 

          พร้อมกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเอากองฟาง เข้ามาหนุนบริเวณก้นของช้าง เพื่อให้พยุงน้ำหนักและมีการสบายตัวขึ้น รวมถึงนำเอาทรายมาทำเป็นหมอนให้ช้างได้ยกพยุงตัวเป็นครั้งคราว ขณะที่ตัวช้างยังมีหลอดน้ำเกลือ และทางทีมสัตวแพทย์ได้ให้ยาแก้ฤทธิ์สลบเพื่อจะให้ฟื้นตัวและเริ่มเข้าให้สารอาหารน้ำ และเมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาช้างป่าตัวนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในระหว่างปฎิบัติงาน

 

 

          นายสัตวแพทย์ ทวีโภค อังควานิช นายสัตวแพทย์สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ กล่าวว่า เท่าที่เห็นขาหลังที่ไม่ใช้งานเริ่มมีแรงกดดันมาที่ช่องท้อง และทวาร รวมถึงอวัยวะเพศ ของช้างจึงต้องปลดตัวพยุงออก เพื่อจำเป็นจะต้องลดอาการบวม ซึ่งตอนนี้ทางทีมสัตวแพทย์ พยายามที่จะให้ช้างป่าตัวนี้ยืนให้ได้ โดยอยู่ระหว่างการจัดท่าให้เหมาะสม และเร่งให้สารน้ำทดแทนอย่างน้อย 50 -60 ลิตร เพื่อทำสิ่งที่ร่างกายไม่ได้รับตลอด 2-3วันที่ผ่าน 

 

 

          ตอนนี้ขบวนการรักษาได้เริ่มต้นแล้ว และยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ว่าอาการช้างจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับตัวช้างว่าจะรับการรักษาได้มากน้อยขนาดไหน ขณะนี้ค่อนข้างเป็นห่วงเพราะช้างป่าตัวนี้ ไม่ใช้ขาหลังมีโอกาสเกิดแผลกดทับและอีกหลายอย่างตามมา สิ่งที่เรากังวลมากต้องเร่งให้สารอาหารพยายามให้สามารถยืนด้วยตัวเอง

 

 

          นายภพปภพ ลรรพรัตน์ ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ กล่าวว่า สถาบันฯได้เตรียมพื้นที่ป่าธรรมชาติ และนำอุปกรณ์ รวมทั้งรถแบคโฮมาทำการพยุงช้างเข้ามายังคอกช้าง และใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยช้างพยุงตัว หลังจากนี้ก็จะมีการบำรุงช้างให้น้ำเกลือยาบำรุงเพื่อติดตามอาการที่บาดเจ็บในช่วงขาด้านหลัง ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าที่นี่มีความพร้อมในด้านเรื่องของอุปกรณ์เครื่องเอกซเรย์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความจำเป็นในการรักษาช้าง และหากว่าขาดอุปกรณ์ชิ้นไหน ทางสถาบันศึกษาที่เข้ามาให้การช่วยเหลือในการรักษาช้างป่าตัวนี้พร้อมให้การสนับสนุนทันที เพราะการทำงานครั้งนี้เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาคราชการภาครัฐวิสาหกิจและสถาบันทางการศึกษ และหลังจากนี้ไปก็เหลือเพียงแต่ทุกคนต้องเอาแรงใจช่วยน้องช้างให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้