อธิบดีกรมอุตุฯ สวน ดร.เสรี เรื่องพายุ 3 ลูก ไม่อยากทำให้ประชาชนแตกตื่น ระบุ กทม.รอดแล้ว ไทยกำลังเข้าสู่หน้าหนาว ขณะ ดร.เสรี ย้ำ ต้องรู้ข้อมูลเพื่อประเมิน-รับมือ
16 ต.ค.60 - กลายเป็นวิวาทะระหว่างอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย กับ ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต หลังจาก ดร.เสรี ออกมาเตือนเมื่อวันก่อนว่า ในช่วงนี้ไทยอาจได้รับผลกระทบจากพายุ 3 ลูก
นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ว่า กรณีน้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ใช่เป็นผลจากพายุลูกไหนทั้งสิ้น เป็นลักษณะของร่องมรสุม ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านอยู่ในกรุงเทพมหานครพอดี และกลุ่มฝนมาตกตรงกรุงเทพฯหมายถึงกรุงเทพฯชั้นใน เขตพระนคร เขตฝั่งธน ส่วนซีกตะวันออกแถวมีนบุรี สามวาฝนจะน้อยกว่า
ร่องมรสุมจะย้อนกลับมาอีกหรือไม่ อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า ร่องมรสุมก็ยังพาดผ่านอยู่แถวเรา ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวเพียงแต่ว่าช่วงนี้มันอ่อนกำลัง กำลังจะเลื่อนลงไปสู่ภาคใต้ ตอนนี้ฝนกรุงเทพฯก็จะลดลงไป แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ยังมีฝนอยู่ แต่ฝนส่วนใหญ่จะเป็นช่วงบ่าย ค่ำ แต่จะไม่หนักเหมือนช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา
อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า จริงๆพายุตอนนี้มีอยู่ 1 ตัว ตอนนี้เป็นโซนร้อนขนุน คือเมื่อวานแรงขึ้นเป็นใต้ฝุนแล้วขึ้นไปตรงเกาะไหหลำของจีน แล้วอ่อนกำลังลงเป็นโซนร้อน ซึ่งตัวนี้จะลงอ่าวตังเกี๋ยมาเวียดนามแล้วจะสลายตัวไป จะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ติดกับพรมแดนไทย-ลาว อาจจะมีฝนเพิ่มบ้างเล็กน้อยในช่วงสองวันข้างหน้าทางภาคอีสานจะได้รับผลกระทบในระดับหางๆ
มีพายุลูกไหนอีกหรือไม่ที่จะต้องเฝ้าระวังภายในสัปดาห์หน้า อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า จริงๆเราเฝ้าดูตลอด มีอยู่ตัวหนึ่งอยู่ทางตะวันออกของฟิลิปินส์ จากการวิเคราะห์ของกรุมอุตุฯ เราคิดว่ามันเคลื่อนจากฟิลิปปินส์ไปทางประเทศญี่ปุ่น จึงไม่มีผลอะไรกับประเทศไทย
เป็นไปได้หรือไม่ที่พายุ 3 ลูกที่ รศ.ดร.เสรี ศุภทราทิตย์ พูดถึงจะเข้าไทย อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า ข้อมูลเวลาวิเคราะห์ก็ใช้โมเดลเดียวกัน โมเดลคือ แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เอาข้อมูลใส่เข้าไป ซึ่งข้อมูลพวกนี้มันจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นพายุที่มันยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เราอย่าเพิ่งไปฟันธงว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะว่าข้อมูลพวกนี้มันมีการเปลี่ยนตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเขาก็จะเปลี่ยนข้อมูลตลอดเวลา
"ไม่อยากให้แตกตื่น"
"ที่เราออกมาชี้แจงไม่ต้องการให้ประชาชนแตกตื่น หรือ สับสน เพราะว่าตอนนี้เราก็รับอะไรที่หนักมาเยอะแล้ว การที่เราจะมาปล่อยว่า ไอ้ตัวนั้น ไอ้ตัวนี้จะเข้าโดยที่ยังไม่เห็นข้อมูลจริงๆ มันก็เลยเป็นปัญหาที่ทางกรมอุตินิยมวิทยามองว่ามันไม่น่าจะถูกนักตรงนั้น "
ส่วนที่ให้สัมภาษณ์วานนี้(15 ต.ค.)ว่าฝนได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเฉพาะเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือในขอบเขตทั่วทั้งประเทศ อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า หมายถึงบริเวณกรุงเทพฯ จุดอื่นๆอย่างภาคใต้กำลังจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ฤดูฝนของภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยจะเป็นช่วงที่ประเทศไทยเป็นฤดูหนาว น้ำก็จะท่วมในช่วงเดิน พ.ย., ธ.ค.เป็นหลัก
อธิบดีกรมอุตินิยมวิทยา กล่าวว่า 2-3 วันในสัปดาห์นี้กรุงเทพฯ อาจจะมีฝนอยู่แต่ไม่หนัก และคาดว่าจะเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทยแล้ว ฝนกรุงเทพฯก็จะโล่งไป ยกเว้นวันไหนที่อากาศหนาวลงมาจัดๆ อาจจะมีการกระแทกกันของอากาศอาจจะเกิดฝนฟ้าคะนองในช่วงวันแรกนิดหนึ่งแล้วอุณหภูมิก็จะลดลง ส่วนวันที่ 25-26 ต.ค.กรุงเทพฯฝนจะน้อยมากเป็นช่วงอากาศที่ดีของประชาชนคนไทยเข้าร่วมงานพระราชพิธีฯอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องฝนมากนัก
"เสรี อัดกลับ รู้ข้อมูลไว้เพื่อประเมิน-เตรียมการ"
ขณะที่ ดร.เสรี ให้สัมภาษณ์รายการเดียว ในเวลาต่อมาว่า โดยผู้ดำเนินรายการถามว่า ยังยืนยันพายุ 3 ลูกอยู่หรือไม่ ดร.เสรี กล่าวว่า ลูกแรกเกิดไปแล้ว คือ "ขนุน" อันนั้นไม่ต้องพูดถึง กรมอุตุนิยมวิทยาต้องไปประเมินว่าจะมีผลกระทบขนาดไหน หลายๆหน่วยงาน ที่ได้รับข้อมูลแล้วก็ต้องเตรียมการ
"ผมก็ไม่รู้ว่าจะหนักขนาดไหน เพราะขึ้นอยู่กับฝนสะสม ใครมีหน้าที่บริหารความเสี่ยงก็ทำไป ลูกที่ 2 ที่อันดามันมันเป็นหย่อมเกิดแล้ววันนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะหนักขนาดไหน ต้องไปประเมิน ผมถึงบอกว่าการเฝ้าระวังมันมีความสำคัญ คุณไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดแน่ เข้าแน่ หนักเท่าไหร่ แต่คุณรู้ว่ามีโอกาสเกิด คุณไปทำการบ้าน และ ลูกที่ 3 กำลังจะเกิด ทางฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ทางฝั่งทะเลจีนใต้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะไปอย่างไร เพราะผมจะไปบอกได้อย่างไร ทิศทางจะเข้าตรงโน้น ตรงนี้ ความรุนแรงเราไม่รู้ มันอาจะหมุนขึ้นข้างบนหรือหมุนลงล่าง เราก็ไม่รู้มันต้องใกล้วัน"
ดร.เสรี กล่าวว่า ถ้ามันมีโอกาสมีความเสี่ยงเราต้องประเมินเลย ถ้ามาอย่างนั้น อย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้มีการประเมินเลย แสดงว่าเราคิดอย่างเดียวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนกับกรุงเทพฯกับสกลนคร บอกว่ามาเดี๋ยวมันก็สลายไป เราต้องมีการประเมินความเสี่ยง ตรงนี้อันตรายมากอนาคตมันเป็นเรื่องที่ต้องประเมิน กรุงเทพฯถ้ารู้ว่าวันพรุ่งนี้ฝนจะตก ก็จะต้องประเมินสถานการณ์ ต่างประเทศจะประเมินสถานณ์ 1 , 2 , 3 จะเป็นแบบนี้แบบนั้น
ส่วนฝนถล่มกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 14 ต.ค ที่ผ่านมาว่า ดร.เสรี กล่าวว่าเมื่อรู้ว่าฝนจะตกหนักขนาดนั้น ไม่มีอะไรบอกประชาชนเลยหรือ ตรงนี้เป็นประเด็นที่ค้างคาใจ เราขาดการเฝ้าระวังและขาดการประเมินสถานการณ์ เราสามารถประเมินได้ 12 ชม. , 6 ชม. , 3 ชม. เมื่อประเมินเม็ดฝนได้ก็ต้องประสานไปยัง กทม.ให้เตรียมระบบการระบาย
"ผมให้ข้อมูลไปเป็นอาทิตย์ ท่านก็ต้องมีเวลาไปประเมิน การประเมินสถานการณ์ถ้าตกในพื้นที่ กรุงเทพ 50 มิลลิเมตร จะเป็นอย่างไร ตก 100 มิลลิเมตรจะเป็นอย่างไร ตก 200 มิลลิเมตรจะเป็นอย่างไร ปรากฎว่า ตก 200 มิลลิเมตร ส่วน กทม.มีความเสี่ยงอยู่แล้วอยู่ในพื้นที่ต่ำ กทม.ก็รู้ตัวอยู่แล้ว เรื่องขยะมันก็เป็นปัญหา แต่ประเด็นคือว่า ถ้ารู้ล่วงหน้าก็ต้องเร่งพร่องน้ำ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง