1 ปีที่ 'พ่อ' จาก...กับ เรื่องเล่าหลังเลนส์ ของช่างภาพ 'วสันต์ วณิชชากร'
ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งความเศร้าโศกเสียใจของประชาชนชาวไทย หนึ่งในช่างภาพที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ไว้คือ "วสันต์ วณิชชากร" ช่างภาพสำนักข่าวเอพี
ภาพถ่ายของเขาจำนวนมากถูกกล่าวถึง ถูกแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย และถูกนำไปเผยแพร่ในสื่อกระแสหลัก เพราะเป็นภาพที่สื่อถึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนชาวไทยมีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ในหลวงรัชกาลที่ 9” อย่างชัดเจน
“ผมต้องการถ่ายภาพเพื่อสะท้อนให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยรักพระองค์ท่านมากมายแค่ไหน และสะท้อนให้ชาวต่างชาติคิดกลับมาว่า พระองค์ท่านต้องรักและทำอะไรให้คนไทยอย่างมากมายมหาศาลจริงๆ จึงทำให้คนไทยโศกเศร้าเสียใจได้มากมายและยาวนานขนาดนี้” วสันต์ บอกถึงความตั้งใจของเขาในการถ่ายภาพนี้ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการถ่ายภาพที่ยากที่สุดในชีวิต หลายครั้งเขาต้องถ่ายภาพผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง (อ่านต่อ...“ในหลวงสวรรคต” : ถ่ายภาพยากที่สุดในชีวิต )
ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา "วสันต์" มักไม่พลาดที่จะมาร่วมบันทึกภาพกิจกรรมสำคัญๆที่จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 แม้บางครั้งไม่มีคนจ้าง เขาก็มาบันทึภาพเก็บไว้เอง
"ผมต้องการบันทึกภาพประวัติศาสตร์ครั้งนี้เก็บไว้ให้แผ่นดิน เก็บไว้ให้คนรุ่นหลัง ลูก หลาน เหลน โหลนได้ดู ได้เห็นว่าประเทศไทยมีพ่อ มีพระราชาที่ทรงรักพวกเรา ทรงห่วงพวกเรามากมายแค่ไหน ให้พวกเขาลองดูจากภาพถ่ายเหล่านี้ ดูสิว่าภาพแต่ละภาพ มันบอกว่าประชาชนคนไทยนั้นก็รักพระราชาของพวกเขามากมายอย่างสุดหัวใจเหลือเกิน"
ถามว่าภาพไหนที่เขาประทับใจมากที่สุดในการถ่ายภาพเกี่ยวกับการจากไปของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา "วสันต์" บอกว่า ไม่มี แต่...เขาประทับใจทุกภาพที่เป็นภาพคนเฒ่าคนแก่คนป่วยที่มากราบพระบรมศพ มาแสดงความรักต่อพระองค์ท่าน เป็นความประทับใจว่าพวกเขาอายุขนาดนี้แล้วยังมีความมุ่งมั่นที่จะมา
“คนเฒ่าคนแก่บางคนนั่งคอตกมาในรถเข็น เรียกว่าแทบจะไม่มีแรงแม้กระทั่งจะพยุงคอให้ตั้งตรง แต่ด้วยความรักความผูกพันที่พวกเขามีต่อในหลวง พวกเขาจึงมา ซึ่งผมก็มีหน้าที่ต้องดึงอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นถ่ายทอดออกมาผ่านภาพถ่ายให้ได้ อาจจะไม่ใช่ภาพที่สวยที่สุด แต่เป็นภาพที่ผมประทับใจที่สุด”
อย่างไรก็ตามภาพที่โดดเด่นที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพ “หงาดเหงื่อของพ่อ หยดน้ำตาของลูก” ที่เขาบันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ที่บริเวณหน้าประตูพระบรมมหาราชวัง ในระหว่างที่ประชาชนมารอเข้าร่วมลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
ภาพนี้เป็นภาพที่ได้รับการโหวตให้เป็นภาพที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด ในจำนวน 89 ภาพที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกจาก 2 หมื่นกว่าภาพมาจัดนิทรรศการ “ทรงสถิตในดวงใจไทยทั้งชาติ” (อ่านเพิ่มเติม...เบื้องหลังภาพ “หยาดเหงื่อของพ่อและหยดน้ำตาของลูก")
อีกภาพหนึ่งของวสันต์ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เป็นภาพที่เขาบันทึกไว้เมื่อครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธี 5 ธันวาคม 2555 ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในจังหวะที่ม่านกำลังจะปิดหลังเสร็จพระราชพิธี ที่เขาเพิ่งนำออกมาเผยแพร่หลังพระองค์ท่านจากไป เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่าพระองค์ทรงอดทนขืนพระวรกายที่ยังไม่แข็งแรงดี รับน้ำหนักเครื่องทรงที่มีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม ยันพระองค์เอาไว้ด้วยเวลาเนิ่นนาน ท่ามกลางแสงแดดร้อนเพียงเพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้เห็น ได้ชื่นชมพระบารมี (อ่านเพิ่มเติม...เรื่องเล่าผ่านวิวไฟน์เดอร์ ช่างภาพบ้านนอก)
นอกจากนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา "วสันต์" มักมีภาพ "เรื่องเล่าหลังเลนส์" ที่กินใจผู้คนออกมา และได้รับการพูดถึงอย่างมากเสมอ
นี่เป็นรูปหนึ่งที่ถูกพูดถึงและนำไปแชร์ต่อในสื่อต่างๆจำนวนมาก เป็นภาพเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ากราบพระบรมศพเป็นวันสุดท้าย
(“คุณอาเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง กำลังเอากระดาษทิชชูซับเลือดกำเดาที่ไหลออกมา เนื่องจากการทำหน้าที่ดูแลประชาชนมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องร่วมหนึ่งปี
เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
"ได้บอกให้แกไปพักผ่อนก่อนเพราะแกอดหลับอดนอนยืนทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบมาอย่างต่อเนื่อง แต่แกบอกว่าขอนั่งพักสักครู่ เดี๋ยวก็หาย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ทำหน้าที่เพื่อพระองค์ท่าน และได้ปฎิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนตามรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร รับสั่งให้เจ้าหน้าดูแลประชาชนแขกของพระองค์ให้ดีที่สุด"
สักสิบนาทีคุณอาเจ้าหน้าที่ก็ลุกขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขันต่อไป
เจ้าหน้าที่ท่านเดิมเล่าให้ฟังว่า
"เมื่อพวกเราได้ทำหน้าที่ส่งประชาชนคนสุดท้ายเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราทั้งหมดนัดกันว่า จะมารวมตัวกันที่ลานหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พวกเราทั้งหมดจะนั่งหมอบและก้มลงกราบทูลลาพระองค์ท่านอยู่ตรงนี้ ตรงที่พวกเราทำหน้าที่"
วสันต์ เรียก เจ้าหน้าที่เหล่านี้ว่าผู้ปิดทองหลังพระ
ภาพตายายคู่นี้ระหว่างมาชมพิธีซ้อมย่อยการเคลื่อนริ้วขบวนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา และคำบรรยายของเขา คืออีกตัวอย่างหนึ่ง
(คุณตากับคุณยายกำลังยืนดูริ้วขบวนที่กำลังเคลื่อนผ่านเข้ามาใกล้ที่สุด ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าไปด้านในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ท่ามกลางแดดร้อนจัด เห็นแกมากันแค่สองคนตายาย ตลอดเวลาระหว่างยืนดูริ้วขบวน มือคุณยายจะลูบอยู่ที่แผ่นหลังของคุณตาอยู่ตลอดเวลา จนผมต้องพยายามเดินเบียดประชาชนเพื่อไปถ่ายทอดมุมที่สะเทือนใจนี้ออกมา)
อีกภาพในคืนวันสุดท้ายของการกราบลา "พ่อ" แม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน แต่ก็สามารถสื่อถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
("เราเห็นเธอนั่งลงพิงกำแพงพระราชวังด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย จนอดที่จะคอยสังเกตดูเธอไม่ได้
สักพักเธอยืนขึ้นตัวยังพิงชิดกำแพง กางมือออกแบมือสัมผัสติดกำแพงกวาดขึ้นกวาดลงไปมาช้าๆ สามสี่ครั้ง
"เราไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร")
หลายคนคงสงสัยว่าทำไม วสันต์ จึงสามารถถ่ายภาพที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อ "พ่อหลวง" ได้อย่างชัดเจน วสันต์ บอกว่า อาจเป็นเพราะเขาก็มีความรู้สึกเดียวกันกับประชาชนเหล่านั้น ทำให้รับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างดี การถ่ายภาพของเขาจึงรอจังหวะเพื่อจะดึงอารมณ์เหล่านั้นออกมาเป็นภาพสื่อออกมาให้ผู้คนได้เห็น
วสันต์ บอกว่า เขารู้สึกว่าผลงานของเขาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้คนรู้จักเขามากขึ้น มาติดตามผลงาน มาชื่นชม มาขอสัมภาษณ์ “ผมรู้สึกว่าผมเกิดเพราะงานในหลวง ผมขอบคุณทุกคำชื่นชมและกำลังใจที่มีมาให้ แต่ถ้าเลือกได้ผมอยากได้ในหลวงกลับคืนมามากกว่า ”
ถามถึงคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 "วสันต์" บอกว่าพระองค์ท่านมีคำสอนมากมาย แต่คำสอนที่เขายึดถือปฏิบัติในชีวิตประจำวัน คือ เป็นคนดีและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“ผมคิดว่าถ้าทุกคนในประเทศทำแค่ 2 อย่างนี้ คือ เป็นคนดีและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ก็จบ ไม่มีปัญหาวุ่นวาย”
ชม "ภาพเล่าเรื่อง" เพิ่มเติมที่เฟซบุ๊ก "วสันต์ วณิชชากร"
เรื่อง : สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์
ภาพ : วสันต์ วณิชชากร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง