
ยึดทรัพย์ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง-ก๊วนเงินทอนวัด
ปปง.มีมติอายัดทรัพย์ 2 คดีดัง จำนำข้าวรอบนี้ยึดทรัพย์ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง 2,300 ล้าน ก๊วนพศ.โกงเงินทอนวัด โดนอายัด 71 ล้าน
10 ต.ค. 60 - พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงผลการประชุมผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 19/2560 ว่า มีประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 2 เรื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.คดีทุจริตจำนำข้าว ตามที่คณะกรรมการธุรกรรม ได้เคยมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด การทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ รายคดีนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยงกับพวก ไปแล้วจำนวน 9 ครั้ง รวมมูลค่า ทรัพย์สินประมาณ 13,000 ล้านบาทนั้น
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (คดีหมายเลขดำที่ อม.25/2558) ได้มีคำพิพากษาว่า น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง ได้ร่วมกระทำผิดในคดีทุจริตจำนำข้าวดังกล่าวด้วย ปปง.จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติม และตรวจพบว่า น.ส.ธันยพร ได้ปกปิดอำพรางทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด โดยให้บุคคลอื่นเข้ามาถือหุ้นในบริษัททีซีพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด แทนตนเอง ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในวันนี้ (10 ต.ค.) จึงได้มีมติให้อายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก จำนวน 25 รายการ มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,300 ล้านบาท จึงเป็นผลให้การอายัดทรัพย์สินในคดีนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น รวมประมาณ 15,300 ล้านบาท
2.คดีทุจริตเงินทอนวัด จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก ซึ่งเป็นข้าราชการในสำนักงานฯ และบุคคลใกล้ชิด ได้แก่ นางประนอม คงพิกุล นายสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ นางณัฐฐาวดี ตันตราวิสารสิทธิ นางชมพูนุท จันฤาไชย พระสุทธิพงศ์ สุทธิวังโส แสงสุข นายฐานพัฒน์ ม่วงทอง นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี หรือพระเบิ้ม และน.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุดการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555-2559 โดยมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดวางแผนเป็นขั้นตอนและแบ่งหน้าที่กันทำ ในการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดต่างๆ เป็นเครื่องมือในการเทงบประมาณลงไป โดยเมื่อวัดได้รับเงินดังกล่าวก็จะโอนเงินสดมามอบให้นายนพรัตน์ หรือบุคคลใกล้ชิด ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542
คณะกรรมการธุรกรรมจึงได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน ของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ กับพวกประกอบด้วยทรัพย์สินจำนวน รวมทั้งสิ้น 33 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 71,939,017.91 บาท
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปปง.จะมุ่งเน้นสืบสวนขยายผลเพื่อยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไปให้ถึงที่สุด ตามมาตรการและขั้นตอนของกฎหมายฟอกเงินทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน.



