ชาวบ้านฮือ!!จี้รังวัดที่“กระทิงแดง”หลังปิดถนน

 

          จากกรณีที่บริษัทในเครือกระทิงแดง ได้เข้ามาก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มประเภทไร้แอลกอฮอล์ในพื้นที่ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และมีการขอเช่าพื้นที่ป่าห้วยเม็กจำนวน 31 ไร่ เพื่อประกอบในการก่อตั้งโรงงานจนนำมาซึ่งการเรียกร้องขอคืนผืนป่าของชาวบ้านในพื้นที่ โดยระบุว่าไม่มีการทำประชาคม หรือขอความเป็นชอบจากประชาชนในพื้นที่ จนกระทั่งบริษัทกระทิงแดงได้ยกเลิกการเช่าพื้นที่ป่า และมีการร่วมกันรังวัดผืนป่าเพื่อตรวจสอบหลังจากมีการคืนป่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2560 นายณัฐภัทร พลอยสุภา นายอำเภออุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า นอกจากกรณีการขอคืนผืนป่าห้วยเม็กของชาวบ้านแล้ว ยังมีเรื่องการก่อสร้างอาคารลุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งทางอำเภอได้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับทางโรงงานไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้รอเพียงพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเท่านั้น

 

นายณัฐภัทร พลอยสุภา

          “เมื่อผลการรังวัดออกมา ผมก็ต้องคุยกับทีมงานว่า พื้นที่จะมีการบุกรุกของบริษัทนั้นมีอะไร ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคาร หรือ สิ่งปลูกสร้างกีดขวางไว้ พอได้ผลมาก็จะต้องดำเนินการต่อ รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ โดยพื้นที่ทั้งหมดในการก่อสร้างโรงงานนั้น อบต.เป็นผู้อนุญาต แต่หากมีการลุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ผมในฐานะผู้ดูแลพื้นที่เป็นผู้เสียหาย จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับโรงงานเอาไว้ก่อนหน้านี้ และความคืบหน้าของบคดีต้องไปตามที่พนักงานสอบสวน สภ.อุบลรัตน์”นายณัฐภัทร กล่าว

         เขายังกล่าวอีกว่า หลังจากการรังวัดพื้นที่ป่าห้วยเม็กแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ก็จะต้องตรวจสอบเรื่องสภาพพื้นที่ป่าตามที่ผู้ร้องได้ร้องไปว่าต้องการอะไร คือการส่งพื้นที่คืนให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติให้มากที่สุด ต้นไม้ต้นไหนหายไปก็จะต้องซ่อมแซม พื้นที่ส่วนไหนที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะต้องดำเนินการคืนกลับมาให้เหมือนเดิม โดยเบื้องต้นทางบริษัทยินดีที่จะส่งคืนให้อย่างครบถ้วน โดยบริษัทยืนยันว่าหากเจออะไรที่ไม่ปกติก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องเหมือนเดิม

          ส่วนกรณีการทำประชาคมนั้น นายณัฐภัทร กล่าวว่า จะต้องรอผลการสอบของกระทรวงมหาดไทย(มท.) เพราะกระทรวงฯเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบเรื่องนี้ ทางอำเภอคงไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะกระทรวงฯดำเนินการไปแล้ว เราต้องรอผลการสอบ โดยการลงพื้นที่สอบสวนนั้น มีเจ้าหน้าที่มาสอบจำนวน 5 วัน ตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกสอบ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนทั้งหมด ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้มีรายชื่อในประชาคม มีปลัดอำเภอ นายอำเภอที่มีชื่อในเอกสารด้วย

          ด้าน ด.ต.พิชิต วารีศรี รองประธานองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง กล่าวว่า สำหรับการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ หรือ ถนนสาธารณะนั้น ถนนเส้นดังกล่าวปกติไม่ค่อยมีคนใช้ประโยชน์มากนัก แต่จะเป็นเส้นทางเข้าออกของเจ้าของที่ดิน ที่ใช้สัญจรเวลาเข้าไปในสวน ในไร่ของตนเอง โดยมีป่ายาง ปลูกมัน ปลูกอ้อยในพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้นคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าออกแต่อย่างใด เพราะเป็นลักษณะทางเกวียนเล็ก ๆ ที่ใช้เฉพาะบุคคล

 

ด.ต.พิชิต  วารีศรี

          ด.ต.พิชิต  กล่าวอีกว่า สำหรับการทำประชาคมก่อนเข้ามาก่อสร้างมีการพูดเรื่องถนนด้วย โดยเรื่องถนนนั้น ก่อนหน้านี้ทางบริษัทก็ยืนยันว่าจะทำทางให้ใหม่ ติดไฟให้ใหม่ เพื่อสร้างความเจริญให้กับชุมชน การทำประชาคมมีการทำจริง มีการประชาคมทุกหมู่บ้าน แต่เพียงไม่ได้มีการเก็บหลักฐานชัดเจนเท่านั้นเอง และที่ผ่านมาก็ไม่มีคนคัดค้านด้วย ทุกคนเห็นดีด้วย แต่พอถึงวันนี้จะดำเนินการอย่างไรก็คงจะต้องว่ากันไปตามเสียงส่วนใหญ่

          “การเข้ามาขออนุญาตก่อสร้างโรงงานนั้นทางอบต.ก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะมองว่าจะสร้างประโยชน์ให้พื้นที่ ให้ท้องถิ่นและจะทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ มีงานทำ ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น สร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น จึงได้อนุญาตให้ก่อสร้างได้ แต่พอมีการมาเรียกร้องคัดค้านเรื่องคืนผืนที่ป่า อบต.ก็ไม่ได้ขัดขวางเพราะมองว่าเป็นความต้องการของประชาชน ก็ยินดีร่วมมือและร่วมดำเนินการ ต่อจากนี้ไปก็คงจะต้องตรวจสอบว่าจะมีการคืนพื้นที่อย่างไร”ด.ต.พิชิต กล่าวในที่สุด

       อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

      รังวัดที่“ป่าห้วยเม็ก”พบป่าอยู่ครบ!!