ข่าว

เดินผ่านพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงก็รู้สึกใจหาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชีวิตที่เหลืออยู่จะทำความดีเพื่อพระองค์

  เดินผ่านพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงก็รู้สึกใจหาย

       วันที่ 24 กันยายน 2560บรรยากาศในพระบรมมหาราชวังซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้ากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เป็นวันที่ 326 และเป็นวันหยุด ปรากฎว่ามีประชาชนจากทั่วประเทศไทยหลั่งไหลมาเข้าแถวรอเป็นจำนวนมากตั้งแต่เช้ามืด หลังจากทราบข่าวว่าทางสำนักพระราชวังจะเปิดให้เข้ากราบพระบรมศพถึงแค่วันที่ 30 กันยายนนี้

เดินผ่านพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงก็รู้สึกใจหาย

สายพิน ฉิมสุข-ชุบ พุ่มผกา

         นางสายพิน ฉิมสุข อายุ 53 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมาพร้อมคุณพ่อชุบ พุ่มผกา อายุ 83 ปี กล่าวว่า ครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกที่มาก็ป่วย แต่คิดว่าอย่างไรก็ต้องมาให้ได้ เมื่อทราบว่าวันที่ 30 กันยายน 2560 จะเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้กราบถวายบังคมพระบรมศพ จึงพาคุณพ่อมากราบด้วย ซึ่งคุณพ่อเพิ่งมาเป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสได้มา ยังไม่แน่ใจว่าวันถวายพระเพลิงพระบรมศพจะมีโอกาสได้มาหรือไม่ แต่คิดไว้ว่าถ้ามีบุญวาสนาคงจะได้มาร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย
         "ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต พระองค์ทรงทำทุกอย่างให้พวกเราทุกคนและไม่เคยทิ้งคนไทย ซึ่งตนได้นำพระราชดำรัสเรื่องการปิดทองหลังพระมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า "ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้  และตัวเองได้ตั้งปณิธานว่า ชีวิตที่เหลืออยู่จะทำความดีเพื่อพระองค์ให้ได้มากที่สุดอยากแลกชีวิตของดิฉันไปแทนพระองค์ แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่อยากให้มีวันนี้เลย ไม่อยากให้มีวันที่พ่อหลวงจากเราไป ดิฉันเคยคิดว่าอยากให้ตัวเองตายก่อน จะได้ไม่ต้องมีความรู้สึกแบบนี้ ตอนเดินผ่านพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงก็รู้สึกใจหาย แม้จะมีคุณค่าความสวยงามขนาดไหน แต่คงไม่มีอะไรเทียบเท่ากับคุณค่าของการมีพระองค์อยู่กับพวกเรา" นางสายพิน กล่าว

เดินผ่านพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวงก็รู้สึกใจหาย

น้ำอ้อย พิมพงษ์

         นางน้ำอ้อย พิมพงษ์ อายุ 75 ปี ชาวปราจีนบุรี แต่ย้ายมาทำงานและพำนักที่เขตประเวศ กรุงเทพฯ กล่าวว่า มีโอกาสมากราบพระบรมศพกว่า 40 ครั้งแล้ว ด้วยใจที่อยากจะมาด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ท่าน ซึ่งได้ทำประโยช์เพื่อประชาชนให้อยู่ดีกินดี จากครั้งแรกถึงครั้งนี้การได้มากราบรู้สึกแบบเดียวกันคือปลาบปลื้ม ตื้นตันใจ แม้พระองค์ไม่อยู่กับพวกเรา แต่ก็ยังคงอยู่ในใจเสมอ ที่ผ่านมาไม่เคยได้เฝ้าฯ รับเสด็จแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้ได้มากราบพระองค์ท่านขอให้ราษฎรของพระองค์มีความสุข นอกจากนี้ได้ยึดหลักคิดดี ทำดี ประหยัด อดออม พร้อมบอกต่อลูกหลาน อีกทั้งที่บ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านก็ได้สอนให้คนรุ่นหลังได้รู้จักพระองค์ด้วย ขณะที่โปสการ์ดที่ระลึกที่ได้รับหลังจากเข้ากราบฯ ก็ได้นำไปให้ลูกหลานที่ไม่ได้มีโอกาสมากราบได้เก็บไว้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ