จบสวยดีเอสไอส่งปปง.ขายทอดตลาดส่งเงินเยียวยาสหกรณ์

         4 ส.ค.60. สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นกว่า 100 คน พร้อมตัวแทนเดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทวงถามกรณีดีเอสไอไม่ยอมถอนอายัดทรัพย์ของกลางในคดีอาญา มูลค่ากว่า 3,811 ล้านบาท ซึ่งศาลเพ่งสั่งให้ชนะคดีตั้งแต่ปี 2559  ทำให้สมาชิกสหกรณ์ผู้ฝากเงินเดือดร้อน ปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์เสียชีวิตไปแล้ว 300. ราย โดยมีพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นตัวแทนรับหนังสือ และขอให้สมาชิกฯจัดตัวแทน 11 คนขึ้นไปพูดคุยกับพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี รวมทั้งนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมชี้แจงทำความเข้าใจโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยภายหลังรับฟังคำชี้แจงสมาชิกสหกรณ์พอใจจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับ

         นายขจรศักดิ์ กล่าวภายหลังการหารือว่า อยากให้สมาชิกสหกรณ์ฯทำความเข้าใจว่าคดีสหกรณ์คลองจั่นฯมีทั้งคดียักยอก ฉ้อโกง และฟอกเงิน ที่ผ่านมาดีเอสไอดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยการอายัดทรัพย์สินที่เป็นของกลางในคดีแต่ก็เข้าใจถึงความเสียหายของสมาชิกผู้มีเงินฝากในสหกรณ์ ซึ่งวิธีการคืนทรัพย์สินที่เร็วที่สุดจะต้องใช้ช่องทางตามกฎหมายฟอกเงินที่สามารถคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายได้โดยไม่ต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุดในชั้นฎีกา แต่การคืนทรัพย์จะต้องดำเนินการตามกฎหมายคือ ประมูลขายทอดตลาดทรัพย์แล้วส่งเงินให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำไปเฉลี่ยคืนให้กับเจ้าหนี้ทุกราย คงไม่สามารถคืนโดยตรงให้กับสหกรณ์ฯเพื่อนำไปขายเองได้ ส่วนทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็จะเร่งตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ถูกอายัดไว้หรือไม่แต่โดยปกติทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีก็จะไม่มีการอายัดอยู่แล้ว

           นายขจรศักด์ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับการยักยอกนำเงินมาฟอกผ่านการบริจาคให้วัดพระธรรมกายว่า พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำพยานแทบทุกวัน โดยคดีฟอกเงินในส่วนที่บริจาคเข้ามูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนคดีของนายอนันต์ อัศวโภคิน ที่มีชื่อที่ครอบครองที่ดินย่านอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา นายอนันต์พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อยื่นเอกสารหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งเอกสารที่นำมามอบให้นั้นมีจำนวนมาก พนักงานสอบสวนจะเร่งพิจารณาโดยเร็ว หากยังมีประเด็นใดที่ต้องสงสัยก็จะเรียกนายอนันต์มาสอบคำให้การเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาว่าจะสามารถให้การหรือไม่ให้การก็ได้

           ด้านพ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า วันที่ 17 ส.ค.นี้ พนักงานสอบสวนในทุกสำนวนคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับสหกรณ์คลองจั่นจะประชุมเพื่อจำแนกทรัพย์ก่อนส่งให้ปปง.ใช้กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายนำทรัพย์ออกขายทอดตลาด เพื่อให้ได้เงินส่งคืนให้กับสหกรณ์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมทั้งขอชี้แจงด้วยว่ากรณีของสหกรณ์คลองจั่นไม่ใช่คดีแชร์ลูกโซ่

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอนันต์ ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกในข้อกล่าวหาสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน จากกรณีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด นำเงินของสหกรณ์มาซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทฯ นี้เป็นที่ดิน 3 แปลง ตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

            ต่อมามีการทำหนังสือสัญญาว่าขายต่อที่ดินให้ นายอนันต์ อัศวโภคิน ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินถึง 3 เท่า และไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายเงินให้บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด แต่อย่างใด ต่อมานายอนันต์ได้ขายที่ดินแปลงนี้ต่อให้บุคคลอื่นในราคา 492 ล้านบาทเศษ โดยนายอนันต์ได้นำเงินที่ได้จากการขายจำนวนประมาณ 303 ล้านบาท บริจาคให้กับมูลนิธิคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งมีพระธัมมชโย เป็นองค์อุปถัมภ์ แต่ยังถือครองในชื่อของนายอนันต์ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการร่วมกันฟอกเงิน