ข่าว

 ทนไม่ไหว! ย้าย "ผอ.ร.ร.จิ๋ว" คุม "ร.ร.ขนาดใหญ่"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนไม่ไหว! ย้ายผอ.ร.ร.จิ๋ว เด็ก 170 คน ข้ามหัวนั่ง"ผอ.ร.ร.ขนาดใหญ่พิเศษ" 3,200 คนไร้หลักเกณฑ์ ร้อง"เลขาฯภตช."คืนความเป็นธรรม เหตุผอ.ร.ร.ทั่วไทยขวัญกำลังใจแย่!

          เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2560 - ที่สำนักงานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรรัปชั่น(ภตช.) เมืองทองธานี นายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 (สพม.20) ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ได้มายื่นหนังสือต่อ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรรัปชั่นของชาติ กรณี ร้องเรียนขอความเป็นธรรมและตรวจสอบโยกย้าย ผู้มาดำลงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม  อาจจะมีความไม่โปร่งใส

          นายสาส์นลิขิตชัย กล่าวกับ"เวบไซด์คมชัดลึก"ว่า การพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายของศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี (กศจ.นนทบุรี) ได้ประกาศผลการโยกย้ายโดยการเลือก นายสันติ สุวรรณหงส์ โรงเรียนลาดชะโดสามัคคี อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 (สพม.3) ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กจิ๋ว  เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่พิเศษ

          "ผมขอเรียนว่า ในการย้ายครั้งนี้ เป็นการย้ายที่อาจจะไม่มีความเป็นธรรม และผิดหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ตามหนังสือ ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว.9 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 อาจจะไม่โปร่งใส มีเจตนาทุจริตหรือไม่ ตามรายละเอียดต่อไปนี้" นายสาส์นลิขิตชัย กล่าว

           1.ผิดเกณฑ์การย้ายในเรื่องของขนาดโรงเรียนตามเกณฑ์การย้าย  1.1 ข้อ ค.การกำหนดขนาดสถานศึกษา เพื่อประโยชน์ในการย้าย จึงกำหนดขนาดสถานศึกษา เป็น 4 ขนาด ดังนี้

         1.1.1 ขนาดเล็ก มีนักเรียนจำนวนตั้งแต่ 499 คนลงมา  1.1.2 ขนาดกลาง มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 500 – 1,499 คน 1.1.3 ขนาดใหญ่ มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 1,500 – 2,499 คน 1.1.4 ขนาดใหญ่พิเศษ มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 2,500 คนขึ้นไป

          1.2 การย้ายผู้บริหาร ข้อ 10.2 การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา(สพม.) ให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาด้วยกันทั้งภายในและต่างเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งมีขนาดสถานศึกษาเดียวกันและขนาดใกล้เคียงกันพร้อมกันก่อน

          1.3 การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ข้อ 11 การพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่เป็นไปตาม ข้อ 10 เมื่อพิจารณาย้ายตามข้อ 10 แล้ว หากยังมีตำแหน่งว่างเหลืออยู่ให้พิจารณาผู้บริหารสถานศึกษาที่ ประสงค์ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาที่ต่างไปจากที่กำหนดไว้ตามข้อ 10 ได้

          กล่าวคือ ขอย้ายไป สถานศึกษาที่ต่างประเภท หรือขอย้ายข้ามขนาดสถานศึกษาที่เกินกว่า 1 ขนาด ที่ตนเองดำรงตำแหน่งอยู่ได้ ยกเว้นการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาไปแต่งตั้งในสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารการศึกษาพิเศษ ทั้งนี้ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายประเมินศักยภาพของผู้บริหารของผู้ประสงค์ขอย้ายตามข้อ 10 ด้วย

          2. ผิดหลักเกณฑ์ในการประเมินด้านประสบการณ์ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา 3. กศจ.จังหวัดนนทบุรีไม่นำมติกรรมการสถานศึกษาร.ร.วัดเขมาภิตาราม(ดร.ประพัฒน์พงศ์  เสนาฤทธิ์ อดีตอธิบดีกรมสามัญศึกษา ในฐานะประธานกรรมการสถานศึกษาร.ร.วัดเขมาภิตามราม) ซึ่งมีมติรับย้ายนายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี มาประกอบการพิจารณาการย้าย

          4. การพิจารณาอาจจะขาดความเป็นธรรม เนื่องจาก กศจ.นนทบุรีและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3(สพม.3) รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 มีความประสงค์ที่อาจจะช่วยเหลือผู้ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก(จิ๋ว)และไม่เข้าหลักเกณฑ์การย้ายแต่อาจจะเป็นเหตุผลพิเศษการช่วยเหลือให้มาเกษียณอายุราชการในโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ที่สำคัญผู้ได้รับการแต่งตั้งจะ เกษียณอายุราชการในเดือน 30 กันยายน 2560 เหลืออายุราชการเพียง 3 เดือน

          "ผมได้ร้องทุกข์และขอความเป็นธรรม ในการย้ายผู้บริหารโรงเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 ไปยังหน่วยงาน องค์กร ตลอดจนผู้มีอำนาจหลายหน่วยงาน ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2560 เช่น ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการ ก.ค.ศ. ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี (ประธาน กศจ.นนทบุรี) ศึกษาธิการนนทบุรี โดยเฉพาะเลขาธิการ ก.ค.ศ. และเลขาธิการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผมได้นำหนังสือร้องทุกข์ และความเป็นธรรมไปนำเรียนท่านด้วยตนเองที่ สำนักงาน ก.ค.ศ. และ สพฐ. บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลา นานแล้ว ผมได้รับเพียงหนังสือจากสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 นอกนั้นไม่มีความคืบหน้าใดๆ อาจจะมีเจตนาไม่โปร่งใสหรือไม่ "นายสาส์นลิขิตชัย กล่าว

          นายสาส์นลิขิตชัย    กล่าวอีกว่า จากผลการย้ายที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารดังกล่าว ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ปฏิรูปการศึกษาเพื่อจะให้เกิดความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลเป็นที่พึ่งของครูและ บุคลากรทางการศึกษาแต่องค์คณะ กศจ. บางแห่งอาจจะทำให้ยิ่งเลวร้ายกว่า อ.ก.ค.ศ.บางแห่งในอดีต

 ทนไม่ไหว! ย้าย "ผอ.ร.ร.จิ๋ว" คุม "ร.ร.ขนาดใหญ่"

นายสาส์นลิขิตชัย  พลไธสง

          "ทำให้ผมและเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ มีความรู้สึกท้อถอย และขาดกำลังใจ จากการดำเนินการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 อนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(อกศจ.) ,กศจ.นนทบุรี ที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และอาจจะขาดความเป็นธรรมผมและเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ จึงใคร่ขอความเมตตา จากท่านเลขาธิการภตช.ได้พิจารณาดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการให้มีการแก้ไขมติการย้ายที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าวด้วย เพื่อคืนความเป็นธรรม เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศและเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ จะได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ พัฒนาและกำลังสติปัญญาเพื่อการศึกษาให้มีคุณภาพสูงขึ้นต่อไป"นายสาส์นลิขิตชัย  กล่าว 

          ด้านนายมงคลกิตติ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวว่า จากกรณี ดังกล่าวเท่าที่ตรวจสอบเอกสาร หลักเกณฑ์ ข้อเท็จจริงรอบด้านแล้วนั้น โอกาสเป็นไปได้ ที่อาจจะมีการวางแผน เป็นขั้น เป็นตอน ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ส่อไม่โปร่งใส ไร้คุณธรรม ผิดหลักเกณฑ์ที่เคยปฏิบติมา คล้ายกับหลายๆจังหวัด ที่มีการร้องเรียนมายัง ภตช.

          "ซึ่งสาเหตุดังกล่าวอาจจะเป็นที่มาของการเรียกรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ รับนักเรียนนอกบัญชี ของโรงเรียนแข่งขันสูงจำนวนมาก เมื่อลงทุนมาก็ต้องถอนทุนคืน ซึ่งเรื่องนี้ทางภตช.จะเร่งรัดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขและจะดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป" เลขาฯภตช. กล่าว

         ผู้สื่อข่าว"เวบไซด์คมชัดลึก"รายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่านายสันติ สุวรรณหงส์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนลาดชะโดสามัคคี อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็น1ใน5 ผอ.ร.ร.ทีสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น"ผอ.ร.ร.วัดเขมาภิตาราม"จังหวัดนนทบุรี และได้รับเลือกเป็นผอ.ร.ร.วัดเขมาภิตาราม  เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 นั้น เคยดำรงตำแหน่งระดับผอ.ร.ร. ขนาดเล็กมีนักเรียนจำนวน 170 คนมาก่อน  และเป็นผอ.ร.ร. มาเป็นเวลา 3 ปี  และจะเกษียณวันที่ 30กันยายน 2560 หรืออีก 3 เดือน

         ขณะที่ นายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี สังกัด สพม.20 เป็น1 ใน 5 ผู้สมัครคัดเลือกเป็น"ผอ.ร.ร.วัดเขมาภิตาราม"จังหวัดนนทบุรี และกรรมการสถานศึกษา ร.ร.วัดเขมาภิตาราม ที่มีดร.ประพัฒน์พงศ์  เสนาฤทธิ์ ประธานกรรมการสถานศึกษา ร.ร.วัดเขมาภิตามราม อดีตอธิบดีกรมสามัญศึกษานั้น ได้มีมีมติรับย้ายนายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี มาเป็น ผอ.ร.ร.เขมาภิตาราม จังหวัดนนทบุรี

        สำหรับ นายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี  มีประสพการณ์ในการเป็นผู้บริหารโรงเรียนขนาดใหญ่มา 4 โรงเรียน อยู่ในตำแหน่งผอ.ร.ร. มา 20 ปี  จะเกษียณอายุราชการ วันที่  30 ก.ย. 2568 หรืออีก 8 ปี 

       อนึ่ง โรงเรียนวัดเขมาภิตามราม จังหวัดนนทบุรี  จัดได้ว่าเป็นโรงเรียนวัดชื่อดังที่อยู่คู่สังคมไทย มายาวนานถึง 104 ปี มีลูกศิษย์เลื่องชื่อกระจายอยู่ในภาครัฐ-เอกชนทั่วประเทศไทย

        

  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ