ข่าว

'ต้นพะยูง'ทับบ้าน 3 เดือน ไม่กล้าตัด หวั่นผิด กม.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ต้นพะยูงทับบ้าน เจ้าของบ้านไม่กล้าตัดกลัวโดนจับ ผ่าน 3 เดือนบ้านพังเข้าซ่อมไม่ได้ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือด่วน

 


               วันที่ 25 มิ.ย. 60 เจ้าของบ้านชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังได้รับเดือดร้อนหนักหลังจากพายุพัดเอาไม้พะยูงโค่นล้มทับบ้านได้รับความเสียหายตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ไม่กล้าตัดเพราะกลัวโดนจับ แจ้งไปทุกหน่วยงานแต่ยังไม่มีคำตอบ จึงย้ายออกไปอยู่บ้านลูก เพราะกลัวบ้านจะพังได้รับอันตราย วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือโดยด่วน
               โดยผู้สื่อข่าวประจำจ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าไปสอบถามนางหนึ่งฤทัย สารภัคดี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากกรณีต้นพะยูง ซึ่งเป็นต้นไม้หวงห้ามล้มทับบ้านพังทั้งหลัง กล่าวว่า ด้วยความกลัวผิดกฎหมายจึงไม่กล้ายุ่งกับต้นพะยูงที่ล้มทับบ้าน เบื้องต้นได้เดินทางไปแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการแต่ยังเงียบ จนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว บ้านพังอยากซ่อมก็ไม่ได้ มีความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้นพะยูงที่อยู่ข้างบ้านยังล้มพาดสายไฟส่งผลให้ไฟฟ้าดับมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในสภาพเดิมตั้งแต่เกิดเหตุเพื่อรอคำตอบจากผู้ใหญ่บ้านแต่ก็ยังไร้วี่แวว ส่วนตัวอพยพไปอาศัยอยู่กับลูกๆ แทน
               นางหนึ่งฤทัย เล่าว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 29 เม.ย.60 ขณะที่ตนกับสามี และหลานชายวัย 6 ขวบ อยู่ภายในบ้าน มีฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมแรง ทันใดนั้นต้นไม้พะยูงที่อยู่ข้างบ้านต้านแรงลมไม่ไหว เกิดโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านจนได้รับความเสียหายและเกี่ยวสายไฟจนขาด หลังจากพายุสงบมีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบและบอกกับตนว่าอย่าพึ่งตัดไม้ออกไปเพราะเป็นไม้หวงห้าม ให้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก่อน จากนั้นตนได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและได้ไปแจ้งธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งติดจำนองที่ไว้ ทางธนาคารบอกว่าไม่มีสิทธิ์ออกเอกสารให้ได้เนื่องจากเป็นการรับจำนองที่ดินเท่านั้น
               ส่วนผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ได้แจ้งศูนย์ดำรงธรรมและป่าไม้จังหวัดแล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมา จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือน ก็ยังไม่สามารถตัดไม้ออกจากตัวบ้านเพื่อทำการซ่อมแซมได้ เพราะกลัวถูกจับ โดยเจ้าหน้าที่จาก อบต.หัวงัว ได้นำไม้และสังกะสีมาให้เพื่อซ่อมแซมบ้านแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา หากตัดไปอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตนจึงได้ย้ายออกไปอยู่บ้านลูกที่อยู่ใกล้ๆ กัน เพราะกลัวว่าตัวคานบ้านจะรับน้ำหนักไม่ไหวและอาจจะพังลงมาได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังขวางเส้นทางสัญจรของครอบครัว หวั่นว่าจะเป็นอันตรายจึงต้องย้ายออกมาก่อน ตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและหาแนวทางที่จะทำการตัดไม้ออกจากตัวบ้านให้ด้วย เพื่อที่จะได้ทำการซ่อมแซมบ้านให้กลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ