"วิญญัติ ชาติมนตรี"หนุนปฏิบัติให้ได้จริง ห้ามจัดผู้ต้องหานั่งซักหน้าสื่อ ซัดละเมิดสิทธิ-ขัดระเบียบตร. แนะสิทธิผู้ต้องหา 5 ข้อเลี่ยงถูกละเมิดสิทธิ
23 มิ.ย. 60 นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ปัจจุบันเป็นทนายความรับผิดชอบคดีดังอย่างคดีชุมนุมทางการเมือง ได้กล่าวถึงกรณีล่าสุด ผบ.ตร.ได้มีหนังสือคำสั่งแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัด เรื่อง "การห้ามจัดผู้ต้องหามาแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนงทุกกรณี รวมทั้งการห้ามบันทึกบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ขณะอยู่ร่วมกับผู้ต้องหา และห้ามเจ้าหน้าที่แสดงกิริยาที่อาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว"นั้นว่า เรื่องนี้เราเคยเรียกร้อง และท้วงติงมาตลอดเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชน และขัดต่อระเบียบตำรวจ ที่เคยวางข้อปฏิบัติไว้ดีแล้ว เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ แต่ระยะหลังกลับมีนายตำรวจหรือผู้ปฏิบัติฝ่าฝืนหรือไม่นำพาเสียเอง
นายวิญญัติ เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ กล่าวอีกว่า เมื่อ ผบ.ตร. ท่านนี้ ออกคำสั่งกำชับก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องทำให้ได้จริง หากมีการฝ่าฝืนต้องมีการเอาผิดทางวินัยให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะประชาชนถูกกระทำเช่นนี้มานาน การที่ตำรวจนำผู้ต้องหาแถลงข่าว นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้ต้องหาด้วย การนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จะถ่ายทอดสดหรือทำข่าวเผยแพร่ทางใดๆก็ตาม ถือว่า เข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา
"บุคคลย่อมมีสิทธิเป็นส่วนตัว มีเกียรติยศ ชื่อเสียงและครอบครัว บุคคลอื่นจะละเมิดไม่ได้ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ข้อสั่งการนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ควรจะให้ความคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหา จำเลยในคดีอาญาไว้จริงจัง กฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหาก็จริง แต่ใช่ว่า จะละเมิดอย่างไรก็ได้ ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ถือว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ การแถลงข่าวในรูปแบบนี้ อาจจะถูกมองว่า ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่เพื่อผลงานของตำรวจเอง เปรียบได้กลับการชี้นำให้สังคมตัดสินเขาแล้ว" เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ระบุและย้ำว่า ปัญหานี้ไม่ตำหนิสื่อมวลชน เพราะหากไม่มีการอำนวยการหรือจัดให้มีการแถลงข่าวของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชนก็คงจะไม่ทำข่าวนั้นๆ และมาซักถาม ถ่ายภาพ บันทึกคลิปออกเผยแพร่เสียเองได้ แน่นอนว่า กระทบต่อกระบวนการสอบสวนและส่งผลต่อการพิจารณาคดีในอนาคตได้เช่นกัน.
เมื่อถามว่า หากเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาก่อนเหตุคดีอาญามีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม เช่น ข่มขืน-ฆ่า , ฆ่าชิงทรัพย์ , ลักทรัพย์ หรือฉ้อโกงประชาชน เช่นนี้ควรต้องแสดงตัวผู้ต้องหา เพื่อเป็นการระวังภัย เตือนสังคมหรือไม่ นายวิญญัติ เลขาธิการสมาพันธ์ สกสส. กล่าวว่า หากเรื่องที่เป็นภัยต่อสังคม และสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนโดยส่วนรวม ก็สมควรที่เจ้าหน้าที่จะกระทำในลักษณะเตือนภัยสาธารณชน แต่ก็ควรเป็นการนำภาพผู้ต้องหาเพียงลำพังมาแสดง มิใช่การนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวและซักถามสัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชน โดยมีกำลังตำรวจล้อมรอบ สิ่งเหล่านี้ต้องพึงกระทำด้วยความระมัดระวัง
นอกจากนี้นายวิญญัติ เลขาธิการสมาพันธ์ สกสส. ยังกล่าวถึงข้อแนะนำแก่ผู้ต้องหาทุกคดีด้วยว่า 1.ผู้ต้องหาในคดีอาญามีสิทธิ์ที่จะให้การหรือไม่ให้การใดๆ ก็ได้ ปฏิเสธที่จะไม่ร่วมแถลงข่าว และแจ้งว่าไม่ต้องการทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ 2.ผู้ต้องหาในคดีอาญาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ก็มีสิทธิ์ที่จะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือมีสิทธิ์ที่จะไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3.ผู้ต้องหาและพนักงานสอบสวน รวมถึงตำรวจ ควรหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์ใดๆ ในลักษณะเป็นการตอบโต้ ระหว่างพนักงานสอบสวนกับผู้ต้องหาหรือบุคคลใดๆ กับผู้ต้องหา หรือเปิดโอกาสให้มีสื่อมวลชนเป็นผู้สัมภาษณ์หรือซักถาม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี 4.ผู้ต้องหาต้องไม่ยอมรับ หรือหลงเชื่อการให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใดๆ เพื่อจูงใจให้เขาให้การอย่างใดๆ ในเรื่องที่ต้องหานั้น จากบุคคลใดๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และ5. ผู้ต้องหาต้องยืนยันความบริสุทธิ์ของตนอย่างหนักแน่น และหากมีทนายความที่ไม่ให้ความรู้ ความเข้าใจ ในการให้คำปรึกษา ให้เชื่อมั่นในตนเองไว้ก่อน เพื่อรอให้มีทนายความที่ให้คำปรึกษาได้อย่างมั่นใจ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง